กิจกรรมต่างๆ
2017
March
6
สัมภาษณ์ New Zealand ASEAN Scholar Awards Winner คุณแป้ง ชมพูนุช เลิศสกุลวงษ์
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 15284 คน )

สัมภาษณ์คุณแป้ง ชมพูนุช เลิศสกุลวงษ์ ผู้ชนะทุน New Zealand ASEAN Scholar Awards 2015

  คุณแป้ง ชมพูนุช เลิศสกุลวงษ์ คือ 1 ใน 3 ของผู้ชนะทุน New Zealand ASEAN Scholar Awards ปี2015 ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนต่อด้าน Master of Teaching English for Speakers of Other Languages Leadership (TESOL Leadership) ที่ Massey University ในเมือง Palmerston North ประเทศ New Zealand 

คุณแป้งรู้จักทุน New Zealand ASEAN Scholar Awards ได้อย่างไรคะ?

  เริ่มจากว่าหลังจากเรียนจบจากคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก็ทำงานและเปลี่ยนงานเรื่อยมา ทั้งโรงแรม สายการบิน ทัวร์ งานออฟฟิศทั่วไป ค้นหาตัวเองตลอด จนสุดท้ายมาค้นพบว่าชอบการเป็นครู จึงเริ่มสอนที่โรงเรียนเต็มเวลา และด้วยความเป็นคนชอบความอิสระ หลังๆจึงออกมารับสอนโรงเรียนเป็นบางวัน ทำงานค่าย และเป็นอาจารย์สอนพิเศษภาษาอังกฤษ จีนเบื้องต้น และภาษาไทยให้ชาวต่างชาติผ่าน Skype ที่ลำพูนประมาณ 2 ปีกว่าๆ ก็มีความคิดว่าเราอยากพัฒนาตัวเอง อยากเปลี่ยนชีวิตบ้างด้วยการไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศแต่ดูมันเป็นฝันที่ห่างไกลมากเพราะเราไม่มีเงินขนาดนั้น เลยเริ่มต้นค้นหาทุนไปเรียนต่อ โดยมีเงื่อนไขว่าทุนนั้นๆจะต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆให้มากที่สุด ก็พยายามค้นหาตาม website รวมทุนต่างๆ สมัครไปหลายที่แล้วก็ผิดหวังไปบ้าง จนมาเจอทุนตัวนี้ที่ตรงกับเป้าหมายของเรา 

ช่วยเล่าประสบการณ์ในการสมัครทุนตัวนี้ให้ฟังหน่อย

  พอเราเจอทุนตัวนี้แล้วก็มานั่งดูระเบียบวิธีการสมัครและรายละเอียดของทุน เตรียมเอกสารต่างๆที่ใช้ในการสมัคร สิ่งที่ยากก็คือการเตรียมเอกสารที่ค่อนข้างเยอะ และต้องติดต่อกับหลายคน หลายฝ่าย หลายหน่วยงาน เช่นจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่แม่ฟ้าหลวง ซึ่งเราก็จบมานานแล้ว และอาจารย์ก็ค่อนข้างยุ่งมากเกินกว่าที่จะช่วยเขียนจดหมายรับรองให้เรา 

  ติดต่อกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องรับรองเอกสารส่วนตัวของเรา และมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ที่เขาต้องตอบรับเราให้เข้าเรียนแล้ว ซึ่งก็ต้องใช้ผลสอบภาษาอังกฤษ เกรด เรียงความ ประสบการณ์เรียนและการทำงานที่ผ่านมา และในปีนั้นที่เราสมัครทางสถานทูตเขาขอเอกสารเป็น Hard copy เท่านั้น ตัวเราเองพักอยู่ที่ลำพูน ไม่ได้ที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ต้องเผื่อเวลาและเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อยในทีเดียวเพื่อส่งเอกสารไปให้ที่สถานทูตในกรุงเทพฯ อย่างแรกก็คือมีผลสอบภาษาอังกฤษ (IELTS) ก่อน ถัดมาคือยื่นเรื่องสมัครมหาวิทยาลัย ตอนแรกก็ดูไว้หลายๆที่ แต่ที่เราเลือก Massey University เพราะว่าที่นี่ขั้นตอนสมัครไม่ยุ่งยาก ติดต่อกลับรวดเร็ว และ Rank ก็ดีเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมถึงว่ามีคอร์สที่เราสนใจด้วย โดยเราเลือกที่จะลงเรียนด้าน Master of Teaching English for Speakers of Other Languages Leadership (TESOL Leadership) ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับหลักการสอนภาษาอังกฤษ, การเป็นผู้นำ,นโยบายการศึกษาและการบริหารการศึกษา 

  อีกเรื่องหนึ่งคือเราต้องเขียนบทความ 2 หัวข้อ หัวข้อละ 500 คำเกี่ยวกับว่าทำไมเราถึงสมควรที่จะได้รับทุนนี้ และหลังจากเรียนจบแล้วเราจะเอาสิ่งที่เรียนมาพัฒนาประเทศของเราอย่างไรได้บ้างพอเรายื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อย ทางสถานทูตเขาก็ส่งอีเมลล์มาเรียกเราไปสัมภาษณ์ วันที่เราไปก็เจอกรรมการ 3 ท่าน สัมภาษณ์กันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงชั่วโมง เกี่ยวกับเรื่องประวัติความเป็นมา กิจกรรมที่เราเคยทำตามเอกสารและบทความที่เราเขียนส่งไป จากนั้นก็จะเป็นคำถามเกี่ยวการแก้ปัญหาต่างๆ ศักยภาพในการเรียน เหตุผลในการเลือกเรียนและความรู้เกี่ยวกับประเทศนิวซีแลนด์ พอสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยก็กลับมารอผลที่ลำพูนอยู่ซักพัก จนได้รับอีเมลล์แจ้งว่าเราได้รับทุน

คิดว่าอะไรถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราชนะคนอื่นๆแล้วได้รับทุน

  คิดว่าเขาคงเห็นถึงความตั้งใจของเรา และในปีนั้นทางนิวซีแลนด์ระบุสาขาว่าสำหรับประเทศไทยเขาอยากให้ทุนมาเรียนเรื่องการสอนภาษาอังกฤษ เพราะการสอนภาษาอังกฤษบ้านเราต้องการการพัฒนา เราชอบเรื่องการสอนและภาษาจริงๆ มีความตั้งใจที่จะไปเรียนด้านนี้เพื่อนำกลับมาใช้ในการทำงานต่อโดยเฉพาะ มันคงแสดงให้เห็นผ่านบทความที่เราเขียน และสิ่งที่เราตอบตอนที่เขาสัมภาษณ์ แล้วด้วยสิ่งที่เราเคยเรียนมา ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ทุกอย่างมันช่วยเสริมกันหมด

หลังจากที่ประกาศว่าเราได้รับทุนแล้ว ทางโครงการมีการเตรียมตัวอย่างไรให้บ้าง

  พอเราได้รับอีเมลล์ว่าได้รับทุนเรียบร้อย ก็ทำเรื่องตรวจร่างกายและยื่นวีซ่าให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็จะมีปฐมนิเทศอีก 1 วันที่สถานทูตนิวซีแลนด์ที่กรุงเทพฯ เป็นการแนะนำข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการเตรียมตัวและประเทศนิวซีแลนด์ วันนั้นเราก็ได้เจอท่านทูตฯแล้วก็เพื่อนคนอื่นๆที่ได้รับทุนเดียวกันอีก 2 คน แต่ว่าเขาไปเรียนคนละที่กับเรา 

  ตอนที่เดินทางมาถึงนิวซีแลนด์ เราก็ไปพักอยู่ที่หอของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็จัดปฐมนิเทศให้เราอีกรอบนึงประมาณ 2 อาทิตย์ มีการแนะนำให้รู้จักนักเรียนทุนจากประเทศอื่นๆทั้งจากประเทศในอาเซียนและประเทศจากแอฟริกา ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คอร์สที่เราจะเรียน คือ ซึ่งเราเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับทุนของมหาวิทยาลัยนี้

ทุนที่เราได้รับนี่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วทางโครงการมีการติดตามหรือว่าดูแลอะไรบ้างไหม

  ตัวทุนก็จะออกให้ตั้งแต่ค่าวีซ่า, ค่าประกันสุขภาพ, ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับในกรณีที่เรียนเกิน 2 ปีจะมีตั๋วให้กลับบ้านตอนปิดเทอมด้วย แต่คอร์สที่เราลงเรียนมันแค่ปีครึ่ง ก็เลยได้ตั๋วขาไปเที่ยวเดียว, ค่าตั้งตัว ค่าเทอมก็จะจ่ายให้ทุกๆต้นเทอมอัตโนมัติ และก็ค่าใช้จ่ายประจำเดือน เป็นค่ากินค่าอยู่ โดยจะโอนให้เราผ่านบัญชีทุกๆ 2 อาทิตย์ ซึ่งถือว่าถ้าไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือยก็ไม่ต้องทำงานพิเศษเพิ่มเติมแถมมีเงินเก็บอีกต่างหาก อีกอย่างเราอยู่ Palmerston North ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทำให้ค่าครองชีพและที่พักไม่สูงมาก ส่วนอาหารเราก็ทำกินเองก็จะประหยัดไปได้อีก 

การเรียนเป็นยังไงบ้างคะ?

  คอร์สเราก็จะแบ่งออกเป็น 3 เทอมเป็น Course work ก็คือเรียนแค่อาทิตย์ละ 2-3 วันต่อสัปดาห์ แล้วเทอมที่ 3 จะเป็นการทำ research  ไม่ต้องเข้าห้อง นัดพบอาจารย์อย่างเดียว ทางโครงการเขาก็จะมาเช็คทุกเทอมเรื่องเกรด เรื่องการเรียนว่าเป็นอย่างไรบ้างโดยให้อาจารย์ที่สอนช่วยประเมินเรา นอกจากนี้ทางผู้ดูแลทุนจะมีการสอบถามเสมอว่ามีปัญหาอะไรตรงไหนที่อยากให้ช่วยเหลือไหม เช่น ถ้าเราต้องมีการทำ  Proof Reading ในการเขียนรายงานก็คือจ่ายเงินไปก่อนแล้วมาเบิกกับทางทุน

แล้วชีวิตนอกห้องเรียนล่ะ?

  ส่วนมากก็จะไปออกกำลังกาย หรือไปเดินเล่นตามป่าตามเขา เพราะว่าอากาศที่นี่ค่อนข้างดี ช่วงหน้าร้อนก็จะอยู่ประมาณ 15-27 องศา แต่ถ้าหน้าหนาวจะหนาวนิดนึงประมาณ 5-14 องศา หรือถ้ามีเวลาว่างนานๆก็ออกไปเที่ยวนอกเมืองไปเลย ที่นิวซีแลนด์จะขึ้นชื่อเรื่องที่เที่ยวตามธรรมชาติและกิจกรรม Adventure ให้เลือกเยอะมาก จะนั่งบัสหรือนั่งเครื่องบินไปก็ได้ เพราะเทียบจริงๆค่าเครื่องบินอาจจะถูกกว่าค่ารถไฟอีกในบางที ส่วนอาหารการกินที่นี่ก็มีร้านอาหารไทยและร้านอาหารเอเชียเยอะมาก ถ้าซื้อของมาทำกินเองก็จะประหยัดไปเยอะ

คิดว่าสิ่งที่เราได้รับจากทุนตัวนี้มีอะไรบ้าง

  หลักๆที่ได้รับคือเราเปิดหูเปิดตา เปิดโลกของตัวให้กว้างขึ้น มีความเข้าใจคนอื่นๆมากขึ้น เพราะเราได้เจอคนหลากหลายประเภท มีเพื่อนๆที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เพราะเพื่อนส่วนมากของเราเป็นเพื่อนต่างชาติ การที่เรามาคนเดียวมันก็ทำให้เรามีความกล้ามากขึ้น พึ่งตนเองมากขึ้น กล้าทำอะไรกล้าไปไหนมาไหนคนเดียว และที่สำคัญคือเรารู้จักการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น มีวินัยในตัวเองมากขึ้น ช่วงแรกๆที่มาก็ต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะเรื่องเรียน เพราะเราต้องเรียนด้วยตัวเอง อ่านเอง  ค้นหาเอง ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ต้องกล้าถามอาจารย์ไปเลย ก็มีบ้างที่ร้องไห้แต่พอผ่านมาได้ก็โอเคขึ้นค่ะ

 

หลังจากเรียนจบตั้งใจว่าจะทำอะไรต่อ

  ในตัวทุนกำหนดอยู่แล้วว่าต้องกลับมาพัฒนาประเทศตัวเอง 2 ปี เราก็เลยตั้งใจว่าจะกลับมาทำงานด้านการศึกษาในลำพูนตามที่เราเรียนมา โดยตั้งใจจะเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แล้วก็อยากกลับไปเปิดโรงเรียนสอนภาษาเป็นของตัวเองแบบจริงจัง ที่อยากเป็นที่สุดคือ อยากเป็นนักพูด นักอบรมครูและอาจารย์ในเขต เพราะเชื่อว่าครูที่เก่งและดีสามารถผลิตลูกศิษย์ที่มีคุณภาพได้ แต่กว่าจะเป็นขั้นนั้นได้คงต้องสะสมประสบการณ์และเรียนรู้จากคนอื่นมากๆค่ะ และถ้ามีโอกาสก็อยากจะเรียนต่อปริญญาเอกด้าน Applied Linguistics ตั้งใจว่าอยากไปต่อที่ Toronto ที่แคนาดาค่ะ

   

อยากฝากอะไรถึงน้องๆรุ่นถัดไปที่อยากจะลองสมัครขอทุนนี้

  อยากให้ลองสมัครดู อย่าไปคิดว่ามันไกลเกินเอื้อม ถึงผิดหวังก็ลองอีกเพราะมีทุกปี (หรือทุนอื่นๆก็มีตั้งเยอะแยะ) ความสำเร็จจะเป็นของผู้ที่ไม่ยอมแพ้ค่ะ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง ที่สำคัญการจะทำอะไรเราก็ต้องมี  Passion หรือความหลงใหลในสิ่งนั้นๆด้วย อย่างเราที่ชอบสอน การให้กำลังใจศิษย์ การเรียนภาษา มันมาจากตัวตนของเรา ถ้าเรารักสิ่งไหนมากๆ เวลาเราแสดงมันออกมาผ่านตัวหนังสือ หรือคำพูด ผู้รับสารจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านบวกและความตั้งใจที่เราสื่อออกไปค่ะ นอกจากนี้แล้วก็ต้องเตรียมตัวเองเก็บประสบการณ์และผลงานต่างๆที่ผ่านมา มันก็จะช่วยเวลาเราขอทุนได้มากด้วยค่ะ