การเตรียมตัวไปทำงานฟาร์ม
สำหรับเด็ก Work and Holiday ปีนี้ (2009) งานฟาร์มอาจจะเป็นงานที่ดูว่าทำเงินได้ดีมากกว่างานอื่น หรืออาจจะน่าสนุก ฟังดูสบายและได้อยู่กับธรรมชาติ และดูว่าน่าจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากงานนี้
สรุปว่าเป็นอีกงานที่ผมมองว่าเป็นงานที่หลายๆคนอยากทำมาก เป็นงานในฝันกันทีเดียว แต่ไม่ใช่ว่างานฟาร์มทุกงานจะดีเสมอไป โดยเฉพาะการที่เราหางานกับ contractor บางกลุ่มที่นิสัยไม่ดีนัก
คำว่า contractor หมายถึง คนที่ทำธุรกิจเหมือนเป็นเอเจ้นจัดหางานฟาร์ม โดยจะค่อนข้างครบวงจร เพราะมักจะมีที่พัก มีรถให้อาศัยโดยสารไปทำงาน และอาจมีอาหารให้ด้วยในบางที โดยคนที่ทำงานแบบนี้มีทั้งคนที่แฟร์ๆ และคนที่ไม่ดีครับ
ถ้าเจอคนดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอคนไม่ดีอาจผิดหวังกลับมาได้ (ผมจะได้ยินหลายๆคนบ่นเรื่อง ทำงานแล้วไม่ได้เงิน ได้เงินช้าบ้าง หรือโดนหักค่านู่นนี่จิปาถะเยอะแยะ เหลือออกมาแทบไม่มีเงิน หักค่าบ้านย้อนหลังบ้าง เสมอๆ)
มาดูรายละเอียดวิธีคิดเรื่องรายรับรายจ่ายกันก่อนว่า จะทำงานฟาร์มควรจะดูอะไรบ้าง
รายรับ รายจ่าย ที่ต้องคำนึงถึงก่อนไปทำงานฟาร์ม
รายได้ รายได้ในการทำฟาร์มมีเป็นสองแบบหลักๆ
แบบแรกเรียกว่า งานชั่วโมง จ่ายเงินเป็นชั่วโมงเหมือนงานทั่วไป
แบบที่สองเรียกว่า งานเหมาจ่ายเงินตามจำนวนผลงานที่ทำได้
สิ่งที่ต้องดูถามที่ดีๆก่อนก็คือ จ่ายเงินแบบไหน เหมา หรือ ชั่วโมง และถ้าจ่ายเหมาจ่ายอย่างไร ถ้าจ่ายชั่วโมง ชั่วโมงละเท่าไหร่
ถ้าเป้าหมายของการไปทำงานฟาร์มครั้งนี้คือการไปเก็บเงินเป็นหลัก รายจ่ายก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนวนให้ดี ไม่งั้นอาจจะไม่เหลือเงินเก็บได้
รายจ่าย ที่จะเกิดขึ้นจากการไปทำงานฟาร์ม
ค่าเดินทาง (1) ถ้าไม่ได้บินตรงจากเมืองไทยไปสู่เมืองที่ทำฟาร์มเลยจะมีค่าเดินทางค่อนข้างสูง เพราะว่าส่วนมากแล้วฟาร์มมักจะอยู่ในแอเรียที่ isolate พูดง่ายๆว่าห่างไกลจากเมืองใหญ่ๆนั่นเอง
ค่าบ้าน ในการมาอยู่ต่างประเทศค่าบ้านมักจะเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุด แม้การไปแชร์บ้านอยู่กันในบ้านของ contractor จะไม่ได้ค่าใช้จ่ายสูงเท่าในเมือง แต่ก็ต้องถามกันให้ละเอียดว่าต้องจ่ายอะไรบ้าง เช่น
ต้องจ่ายค่าบ้านตอนไหน วีคละเท่าไหร่ หักจากเงินที่ทำได้เลยหรือว่ายังไง
ถ้าอาทิตย์ไหนไม่มีงานต้องจ่ายค่าบ้านมั้ย (contractor บางที่ไม่คิดค่าบ้านถ้าไม่มีงาน บางที่บอกว่าถ้ามีงานน้อยกว่าสองวันจะไม่คิดค่าบ้าน บางที่ก็คิดไม่ว่ามีงานหรือไม่มีงาน)
ค่าเดินทาง (2) แม้ว่าที่พักของเราจะอยู่ในเมืองเล็กๆกันแล้ว โดยมากเรายังต้องนั่งรถไปอีกสักพักเพื่อทำงาน เพราะฟาร์มจะไม่ตั้งอยู่ในที่ย่านพักอาศัย ดังนั้นจะต้องมีค่ารถอีก ว่าวันละกี่ดอล ก็หักกันไป (ยกเว้นว่าจะอาศัยนอนในฟาร์มเลยก็จะไม่เสียค่ารถ) หรือบางคนหุ้นกับเพื่อนๆซื้อรถส่วนตัว (รถที่นี่ไม่แพงครับ โดยเฉพาะต่างจังหวัด มีมือสองเยอะแยะ) และขับรถไปฟาร์มเองหรือติดต่อกับเจ้าของฟาร์มเองก็มี
ค่าอาหาร ให้ตรวจสอบว่าค่าที่พักนั้นได้รวมค่าอาหารไปด้วยรึยัง ถ้ายังเราก็ต้องคำนวนว่าเราจะใช้งบกับการซื้ออาหารเป็นจำนวนเท่าไหร่ต่อสัปดาห์ โดยทั่วไปแล้ว อาหารจะต้องทำเองครับ เพราะเราต้องไปทำงานในฟาร์มไม่ได้มีร้านขายของขายอาหารให้เราซื้อกัน
ข้อแนะนำเบี้องต้นในการไปทำงานฟาร์ม
1 เตรียมตัว เตรียมใจ ให้ดีว่าต้องสู้งานหนัก ทำงานกลางแดด ไม่ได้ทำงานสบายๆ (ยกเว้นทำในโรงงาน ก็อาจจะสบายกว่าเพราะทำอยู่ในร่ม)
2 อุปกรณ์ที่ต้องนำไปได้แก่ เสื้อกันฝน (กันอากาศแปรปรวน) รองเท้าบูท เสื้อผ้าที่ลุยๆ เหมือนใส่ไปค่ายลูกเสือ แบบแต่งสวยๆ ไม่ต้องเอาไปเพราะจะไม่มีเวลาได้แต่งเท่าไหร่ (อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้หาซื้อได้ไม่ยาก) อ้อ เอาครีมกันแดดไปด้วยนะครับ
3 ตรวจสอบให้ดีว่าคนที่เราจะไปทำงานให้นั้นเชื่อถือได้มั้ย โดยพยายามเชคจาก เพื่อนๆที่เคยไปมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้
4 ใบขับขี่ ถ้ามีไว้ก็ดี อาจได้งานสบายและได้เงินเยอะกว่าคนอื่น ๆ เช่นขับรถฟอล์คลิฟท์ในโรงงาน หรือ ขับแทรคเตอร์พ่นยาฆ่าแมลง หรืออาจจะซื้อรถขับเอง ติดต่อหางานเองไม่ต้องพึ่ง contractor (หรืออย่างน้อยก็อาจไม่เสียค่ารถที่ขับไปทำงานฟาร์มเพราะต้องเป็นคนขับ)
5 ทำร่างกายให้แข็งแรง เพราะอากาศอาจแปรปรวน ฝนตกบ้าง หนาวบ้าง อาจจะป่วยได้ง่ายๆ เตรียมยาแก้หวัดไปด้วยก็ดีครับ ไปถึงแล้วคงไม่ต้องออกกำลังกายแล้ว แต่ก่อนไปพยายามออกกำลังเยอะๆ ฟิตร่างกายไว้หน่อย
6 หาเพื่อนไปด้วยกันสักคน จะได้ไม่เหงาและมีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกัน และยังอาจช่วยให้ประหยัดไปได้อีกหากแชร์ค่าอาหารกัน เหมือนที่เค้าว่าคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายครับ
7 อย่างที่กล่าวไปแล้ว เชคเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น และรายรับที่ควรจะได้รับให้ดีว่าเราไปแล้วจะเหลือเก็บมั้ย เพราะถ้าเราเสียค่านู่นนี่ไปเยอะ หักลบแล้วไม่คุ้ม ก็อย่าไปดีกว่า
8 เมื่อไปทำแล้ว ถ้าชอบจริงๆ ให้พยายามรู้จักคนไว้เยอะๆ เพื่อนผมคนนึงเคยไปทำฟาร์มมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2008 ตอนนี้แกก็ยังทำอยู่ ย้ายฟาร์มตามกันไปเรื่อยๆ เก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียว
9พยายามอย่าทำผิดกฎหมาย เช่น เมาแล้วอย่าขับเพราะค่าปรับมันแพงและเสียประวัติ ตำรวจแถวบ้านนอกเค้าไม่มีอะไรให้จับเยอะเท่าในเมือง ดุกว่าเยอะ ที่ผมเคยเจอคือ เดินออกมาจากบาร์กับเพื่อนกัน กำลังจะขับรถกลับบ้าน แล้วเห็นไฟรถที่จอดอยู่ไกลๆดับลง คนที่มาด้วยกันก็ไม่ได้สังเกตอะไร พี่คนนึงที่ทำงานมานานก็เลยบอกว่าตรงนั้นเป็นตำรวจดักรออยู่ เรียกแท็กซี่ดีกว่า
10เมื่อไปอยู่ตรงนั้น เราอาจจะห่างไกลจากการใช้ internet และการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนั้นเมื่อใครพูดอะไรให้ฟังหูไว้หู อย่าเพิ่งเชื่อไปเสียหมด เช่น พี่ที่เป็น contractor เค้าบอกจะสมัครพีอาร์ให้หนูถ้าหนูเป็นแฟนเค้า ถ้ากรณีนี้ต้องเชคกฎหมายดีๆก่อนว่าเค้าทำได้มั้ยจริงๆ เค้ามี residency status เป็นอย่างไร ยังมีสิทธิสปอนเซอร์คนรึเปล่า แต่งงานมาแล้วกี่รอบ หรืออาจะเป็นกรณีขับรถผิดกฎโดนหมายเรียกแล้วไม่ไป โดยมีเพื่อนบอกว่าไม่ต้องไปเพราะอิมมิเกรชันไม่ตรวจ เป็นต้น ยกเป็นตัวอย่างเฉยๆครับ พูดหลักๆว่าให้หาข้อมูลดีๆก่อนตัดสินใจทำอะไร โดยเฉพาะอะไรที่ส่งผลต่อวีซ่าเรา
สรุปว่าก่อนไปให้หาข้อมูลให้เยอะๆก่อนครับ เตรียมกายลุยงานหนัก เตรียมใจรับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้้น จะได้ไม่ผิดหวังครับ
Website เพิ่มเติมสำหรับหางานฟาร์ม Jobsearch Harvesttrail