Australian Visa subclasses and Student Visa Assessment Level( Updated 27/3/2013)
หลายๆครั้งที่ผมได้รับคำถามเกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่างๆ ของออสเตรเลีย โดยเฉพาะกับคนที่กำลังจะขอวีซ่า ว่า visa นี้ subclass อะไร subclass คืออะไร Assessment Level คืออะไร และแต่ละอย่างมันต่างกันยังไง ในบทความนี้ผมจะอธิบายให้ฟังเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันครับ
Visa Subclass : โดยปกติแล้วการแบ่งชนิดของวีซ่าออสเตรเลียจะแบ่งออกได้ด้วยสองอย่างหลักๆได้แก่ ชื่อวีซ่า และ subclass ของวีซ่าซึ่งจะกำหนดไว้เป็นตัวเลขสามหลัก
เช่นสำหรับ Work and Holiday Visa ที่เราคุ้นเคยกันนั้น
ชื่อวีซ่าว่า Work and Holiday ส่วน Subclass จะเป็นเลข 462
หรือสำหรับ Working Holiday Visa ที่เพื่อนๆจากเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และยูโรปขอได้ จะชื่อ Working Holiday และ subclass จะเป็นเลข 417 เป็นต้น
สำหรับวีซ่านักเรียนจะมีแบ่งแยกย่อยกันไปตามประเภทของคอร์สที่ลงเรียนกันอีก
ในบทความนี้ผมจะเขียนแนะนำเฉพาะวีซ่านักเรียนชนิดที่ขอกันบ่อยๆนะครับ โดยจะเขียนเป็น format ดังนี้ครับ
ชื่อวีซ่า : Subclass : คำอธิบาย
English Language Intensive Courses for Overseas Students (ELICOS) : Subclass 570 :
หมายถึงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบต่างๆในออสเตรเลีย มีตั้งแต่การเรียน General English, IELTS, Cambridge , EAP และอื่นๆ หลักๆก็คือที่เราเรียกกันติดปากว่าเรียนภาษาครับ โดยแต่ละคนอาจจะมีเหตุผลในการเรียนภาษาต่างกันไปเช่นเพื่อใช้สื่อสาร เพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เป็นต้น
เรื่องคอร์สเรียนภาษาแบบต่างๆสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความที่ผมเขียนไว้ที่นี่ครับ
เรียนภาษาออสเตรเลีย
Vocational Education and Training : Subclass 572
หมายถึงการเรียน ในระดับวิชาชีพ ถ้าพูดให้เห็นภาพง่ายๆก็คือปวช. (Diploma )ปวส.(Advanced Diploma) บ้านเราครับ
ก่อนจะเข้าไปเรียนระดับนี้ได้เราต้องมีผลภาษา IELTS ประมาณ 5.5 หรือเทียบเท่าซะก่อน (คอร์ส Diploma บางสาขาวิชาก็ต้องการ IELTS ที่สูงกว่าก็มี)
คอร์ส VET ก็เหมือนคอร์สเรียนภาษา ที่มีให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ VET ได้ในนี้ครับ
เรียนต่อดิปโพลมา
Higher Education : Subclass 573
คอร์สเรียนในหมวดนี้ได้แก่
Bachelor degree
associate degree
graduate certificate
graduate diploma
Masters by coursework
Higher Education diploma
Higher Education advanced diploma
นอกจากชื่่อคอร์สแล้ว ผมขออธิบายให้ละเอียดขึ้นก็คือการเรียนในคอร์สต่างๆในมหาวิทยาลัย (ที่ไม่ใช่คอร์สภาษา) หรือเทียบเท่าครับ
ที่ว่าเทียบเท่านี่เพราะก็มีสถาบันที่สอนคอร์ส ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือคอร์ส Higher Education อื่นๆ เช่น Higher Education Diploma แต่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยก็มีเหมือนกัน พวกนี้จะเป็น College ครับ
Postgraduate Research : Subclass 574
คือคอร์สป.โทแบบ Research และปริญญาเอกครับ
สำหรับคอร์สในระดับ Higher Education และ Postgraduate Research ตอนนี้มีข้อดีก็คือ ถ้าเราจบ ตรี โท หรือเอก ที่คอร์สยาวสองปีขึ้นไปเราจะมีสิทธิ์ขอ Post-Study Work Visa ด้วยครับ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Post Study Work Visa ได้ที่นี่ครับ News on Post Study Work Visa
รายละเอียด Post Study Work Visa on Beyond Study Center Website
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สใน Subclass 573 และ 574 ได้ที่
เรียนต่อมหาวิทยาลัย
นอกจากเรื่องของ Subclass และอีกที่เรื่องผมจะอธิบายควบคู่กันไปก็คือ
Assessment Level
วีซ่านักเรียนออสเตรเลียนอกจากจะแบ่งตาม subclass และยังมี level การประเมินที่เข้ามากำหนดว่าคนที่จะเรียนคอร์สนี้ๆ จะขอวีซ่าได้แบบไหนบ้าง มีหลักฐานอะไรที่ต้องยื่นบ้าง อีกด้วย
Assessment Level หรือ ALs จะถูกจัดขึ้นตามสถิติของนักเรียนแยกตามประเทศ และพฤติกรรมของนักเรียนชาตินั้นๆใน sector ต่างๆกัน (Sector ที่ว่าก็แบ่ง subclass นั่นเองครับ)
ALs จะมีอยู่ 5 level ไล่ตั้งแต่เลข 1 ไปถึงเลข 5
โดย เลข 1 จะถือว่ามีความเสี่ยงน้อยสุดที่นักเรียนจะมาเป็น Non Genuine Students คือขอวีซ่ามาเรียนแต่จริงๆอยากมาทำอย่างอื่นเช่น ทำงาน หาแฟน ทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตามแต่ ในขณะที่ Level 5 จะเป็นเลเวลที่ความเสี่ยงสูงที่สุดครับ
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่านักเรียนจากประเทศเค้าจะเรียน ภาษา เรียนดิปโพลมา หรือเรียนในมหาวิทยาลัย
เค้าก็จะเป็น Level 1 ทั้งหมด นั่นหมายความว่าทางออสเตรเลียเชื่อใจทางญี่ปุ่น ทำให้เด็กญี่ปุ่นที่จะไปเรียนมีปัญหาเรื่องการขอวีซ่าน้อยมากๆครับ (ซึ่งจริงๆก็คงขอไปไหนก็ไม่ยากเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่น)
สำหรับประเทศไทยเองเรามีอยู่แค่ 2 level คือ 1 และ 2 ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี เทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันครับ
โดย Sector ที่เป็น Level 1 ของประเทศไทยได้แก่ Subclass 571 (Schools Sector – เรียนในรร.ที่ออส ประถม มัธยม แต่ผมไม่ได้อธิบายไว้ในที่นี้เพราะผู้เข้าเวปนี้ส่วนมากจะค่อนข้างโตแล้วครับ) , Subclass 573 (Higher Education Sector) และ Subclass 574 (Post Graduate Research Sector)
และสำหรับ Sublcass570 (ELICOS) และ Subclass572 (VET) จะเป็น Assessment Level 2 ครับ
สำหรับประเทศอื่นๆ เราสามารถตรวจสอบ Assessment Level ได้จากลิงค์นี้ครับ
ALs1 VS ALS2
ข้อแตกต่างหลักๆของผู้ขอวีซ่าที่เป็น Assessment Level 1 และ Assessment Level 2 จะมีความยากง่ายต่างกันดังนี้ครับ
1) Online and Paper based application : สำหรับ Level 1 เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะขอ first student visa แบบไหน คือเลือกได้ทั้งแบบ online และ paper ในขณะที่ Level 2 นี่เราต้องของวีซ่านักเรียนครั้งแรกจากเมืองไทยเท่านั้นครับ (ซึ่ง Level 2 จะไปต่อวีซ่าที่ออสเตรเลียเป็นออนไลน์ได้ทีหลังได้ครับ)
ดังนั้นการที่บางคนอยากลองขอวีซ่าท่องเที่ยวแล้วไปเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนจะสามารถทำได้เฉพาะกรณีที่คอร์สที่เราจะลงอยู่ใน Assessment Level 1 เท่านั้นครับ (หรือเป็นคอร์สภาษา + คอร์ส Level 1 / ภาษา + ปริญญาตรี / ภาษา + ปริญญาโท ก็สามารถทำได้ครับ)
2) Financial Evidence : โดยปกติแล้ว ถ้ายื่นวีซ่าออนไลน์แบบ Level 1 มักจะไม่ถูกเรียกหลักฐานการเงินครับ (ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็แล้วแต่คอร์สที่ลงเรียนและประวัติของแต่ละคนด้วยครับ ถ้าลงคอร์สป.ตรี ทั้งที่จบตรีแล้ว ก็อาจจะมีสิทธิ์ถูกเรียกได้ เช่นกัน ดังนั้น ณ ตอนนี้ผมจะแนะนำให้มี statement / bank guarantee ไปเลยจะดีกว่าครับ )
ในขณะที่ถ้ายื่น paper based จะต้องยื่นหลักฐานการเงินที่ค่อนข้างชัดเจนมากๆ คือต้องมี book ตัวจริงที่ยื่นไปได้ ต้องมีหลักฐานทางการเงินที่มาของเงินที่ดีเชื่อถือและพิสูจน์ได้ และถ้ามีกรณีมีเงินเข้ามาอย่างไม่เหมือน transaction ปกติก็ต้องอธิบายให้เค้าฟังได้ครับ โดยรวมคือการพิจารณาของแบบ Paper (ลงเรียนภาษา / ภาษาเฉยๆ / ภาษา +ดิป ) จะเข้มงวดกว่าการลงเรียนแบบ ตรี / โท / เอก และ ภาษา + ตรี / โท / เอก มากพอควร ทั้งนี้วีซ่าจะผ่านไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับหลักฐานต่างๆ และประวัติของเรา ที่เราเขียนอธิบายเข้าไปด้วยครับ
นอกจากนั้นก็จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยสำหรับการยื่นออนไลน์ กับการยื่นเปเปอร์ เช่น ถ้ายื่นออนไลน์เราต้องจ่ายค่าวีซ่าเป็นดอลล่าร์ที่ 535 AUD และถ้าเป็น paper เราต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าสองส่วนคือ Visa Fee 17700 THB และ VFS Fee 600 THB ครับ
จากที่อธิบายมาจะเห็นว่าการจะยื่นขอวีซ่านักเรียนค่อนข้างซับซ้อน และค่อนข้างจะเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นก่อนการยื่นวีซ่านักเรียนแต่ละครั้งเราจะต้องคุยกันถึงเรื่องจุดประสงค์ในการไป หลักฐานการเงิน การทำงานต่างๆอย่างค่อนข้างละเอียด(มากกก) ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้เปอเซนต์ผ่านสูงที่สุดก่อนที่จะยื่นไปจริงๆครับ