Member Info
Introduction

Blog Archive

บล็อคอัพเดทล่าสุด

แชร์ประสบการณ์ Working Holiday Australia - New Zealand

สวัสดีค่ะพี่น้องชาว work and holiday ทุกท่าน วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะมาแชร์ประสบการณ์จากการเข้าร่วมโครงการwork and holiday ทั้งใน Australia และ New Zealand ให้พี่ๆน้องๆ เพื่อนๆได้ อ่าน และบทความนี้ก็อาจจะเป็นประโยชน์เล็กๆน้อยๆต่อการใช้ชีวิตในต่างแดนของทุกๆท่านนะคะ

ขอเริ่มที่ Australia ก่อนนะคะ การใช้ชีวิตแบบ work and holiday ของเราที่ Australia ทั้งหมดของเราคืออยู่ Sydney ทำร้านอาหารและcafe นะคะ เราไม่เคยสัมผัสงานฟาร์มเลยเพราะเป็นครั้งแรกที่ก้าวขาออกบ้านก็เลยยังไม่ค่อยกล้าไปไหนไกลๆ และเป็นชีวิตที่ค่อนข้างจะไม่ลำบาก ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่า เราค่อนข้างโชคดีในช่วงแรกๆที่มาถึงเพราะว่า เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนที่เค้ามาเรียนต่อมหาลัยที่ SYDNEY มาพักกับเค้าที่อพาร์ตเม้นท์ที่เค้าเช่าไว้นะคะ เพราะเราไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลย ยกเว้นประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเรื่องงานช่วงแรกก็มีคนรู้จักของเพื่อนช่วยเหลือฝากงานให้ทำที่ร้านbakeryรี่แห่งหนึ่งฝั่ง North คือเริ่มทำงานตั้งแต่ 3 วันแรกที่มาถึงก็ว่าได้ แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ จะโรยแค่ช่วงแรกแค่นั้นแหล่ะค่ะ

เราบินมาตอนกลางเดือน กรกฎา ค่ะ ในการมา Sydney ครั้งนี้ เราตั้งใจว่า เราจะมาทำงาน Cafe เพราะเรามีประสบการณ์ทำกาแฟที่เมืองไทย 1 ปี และในตอนเย็นเราก็ตั้งใจว่าเราจะทำงานร้านไทย เพราะอยากกินอาหารไทยและได้กินข้าวฟรี อิอิ คือปีนี้เราตั้งใจจะมาเก็บเงินอย่างจริงๆ จังๆ เราได้ยินมาว่าชงกาแฟที่นี่ รายได้ดีและเราสามารถทำได้ดี เราก็เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ฉันต้องชงกาแฟให้ได้

มาเข้าเรื่องงานเลยนะคะ เราเริ่มจากทำงานร้าน bakery ค่ะ ร้านนี้ขนมอร่อยค่ะเป็นร้านของคน Asian งานที่ร้านนี้คือเค้าให้เราเป็นคนทำpie ทำcupcake แล้วก็ขนมที่ทำง่ายๆ แต่ว่ามันเยอะไงคะ ทำเยอะจริงๆ แล้วเราก็ต้องไปล้างหม้อใหญ่ๆ ล้างไห บางทีก็คลีนร้าน คือแรกๆยังไม่ชินเราก็เลยรู้สึกว่างานมันหนัก เวลาเข้า-เลิกงาน ก็ไม่เอื้อต่อการไปทำ job 2 ที่ร้านไทย ภาษาก็ไม่ค่อยได้ฝึกเพราะไม่มีฝรั่งเลย และที่ทำงานก็ไกลจากบ้านที่เราอยู่มาก คือบ้านเราอยู่kensingtonฝั่ง Eastern suburb แต่เราต้องนั่งเรือ ferry ข้ามฟากไปทำงานที่นั่น และอีกอย่างเป้าหมายของเราคือมาชงกาแฟไม่ใช่มาทำขนม เราก็เลย ไฟท์ค่ะ ไฟท์หางานร้านกาแฟค่ะ หามันทุกวัน สมัครทุกร้านที่ลงใน Gumtree (ปล. ขอบอกว่า Gumtree.com.au มีประโยชน์มากๆนะคะ งานเยอะจริงๆ) เราทำร้านbakeryอยู่3อาทิตย์ และแล้ววันหนึ่งเพื่อนของเราเค้าไปเจอร้านCafeที่รับสมัครbaristaค่ะ ร้านนี้อยู่ห่างจากบ้านเรา 2 suburb แต่ก็ไม่ไกล แล้วเราก็ไปสมัคร เราได้งานค่ะ ดีใจมากๆๆ แต่ยังค่ะชีวิตยังไม่จบแค่นี้ ร้านนี้เป็นร้านของแขกค่ะ ในร้านทีคนไทยทำงาน5คน มีอินโด ฟิลิปปิน ตอนแรกที่เข้าไปทำงานเราก็คือว่าเราจะได้เป็นคนชงกาแฟสมใจหมายและรายได้ดีอย่างที่คิด แต่ไม่ใช่เลย อาจจะมีบ้างที่เราได้ชงกาแฟแต่งานหลักคือ เราต้องไปล้างจ้าน บางทีก็มาอยู่หน้าร้านรับออร์เด้อลูกค้า ช่วงแรกทำยังไม่คล่อง ไม่คุ้นกับอาหารฝรั่ง take order ผิดก็โดนด่า บางทีโดนตะคอกใส่ ซึ่งบอกตรงๆเรารับไม่ได้ เรารู้สึกแย่มาก แล้วค่าจ้างจ่ายน้อยมากๆๆ คือมันเป็นที่แน่นอนอยุ่แล้วว่าเค้าต้องจ่ายต่ำกว่ากฎหมายของออส แต่เราไม่คิดว่าจะโดนกฎอย่างไม่ยุติธรรมขนาดนี้ นั่นก็คือ เค้าจ่ายเราชั่วโมงละ $10 แล้วบอกว่าหลังจากหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปจะขึ้นให้เท่ากับคนอื่นๆ คือคนอื่นๆได้ชั่วโมงละ $13 ไงค่ะ แต่ไม่ใช่ค่ะ หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ เราก็ยังได้ชั่วโมงละ $10 ด้วยเหตุผลที่ว่า You can’t speak English! โอ้โห !! พี่แขก ให้เหตุผลได้เจ๋งมาก! อึ้งค่ะอึ้ง คิดในใจถ้าฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แล้วฉันจะคุยกับลูกค้าคุณรู้เรื่องเหรอห้ะๆๆๆๆ คราวนี้ได้ยินอย่างนี้แล้วก็ ไฟท์ค่ะ ไฟท์อีกรอบ หาใน Gumtree นี่แหล่ะค่ะ หาวันทุกวันเลยค่ะ แล้วก็ walk in ไปสมัครตาม suburb ใกล้ๆค่ะ ร้านกาแฟ ร้านไอติม สมัครหมดค่ะ เพราะคิดแล้วว่าฉันจะไม่ติดแหงกอยู่กับร้านแขกนี้แน่ๆ วันไหนวันหยุดก็ไปค่ะ ไปหางาน นั่งรถเมล์ไปค่ะ ไม่ท้อค่ะ(ปล ขอชมเชย SydneyBuses ค่ะ ชอบมากๆ และการคมนาคมขนส่งที่นี่ก็สะดวกมากค่ะ รถบัส รถไฟ เรือ สะดวกค่ะ ชอบๆๆ)

ระหว่างที่ทำcafeนี้แล้วก็หางานใหม่ไปด้วยนั้น ในโชคร้ายก็มีโชคดีๆเข้ามาค่ะ คือวันนึงเจ้าของร้านไทยที่อยู่ติดกับcafeนี้ เค้าเจอเรากำลังถูพื้นอยู่ แล้วเค้าก็ชวนไปทำงานร้านเค้าตอนเย็นค่ะ เป็นเด็กเสริฟ โหเราดีใจมาก ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เราได้ทำงานร้านไทยแล้ว มีข้าวกิน ไม่ต้องทำกับข้าวฝีมือบ้านๆของตัวเองแล้ว เย่ๆๆ แล้วเราก็ได้งาน job2 ค่ะ เจ้าของร้านเค้าใจดีค่ะ ทำกับข้าวอร่อยๆๆๆ เราทำงานร้านไทยร้านนี้เป็น jobตอนเย็น ทำจนใกล้กลับไทยเลยล่ะค่ะ ฟินมาก ได้งานยาวค่ะ 6 วัน ต่อสัปดาห์ค่ะ เป็นร้านเล็กๆแต่อบอุ่นดีค่ะ เริ่มเก็บตังค์ได้แล้ว เย่ๆ

เราสมัครงานใน Gumtree อยู่หลายที่ค่ะ ส่ง CV ไปแต่ไม่มีใครตอบรับเพราะบางทีเค้าอาจได้คนไปแล้ว วันนึงเราคุยกับคนอินโดที่ทำงานด้วยกัน เค้าบอกว่าเค้าก็ได้งานใหม่ใน Gumtree เหมือนกัน เราก็ถามเค้าว่าทำไมฉันสมัครฉันยังไม่ได้เลย ส่ง CV ไปก็ไม่มีใครตอบกลับเลย เค้าก็บอกเราว่า เธอต้องโทรไปนะ โทรไปเลย กล้าๆหน่อย แล้วมันจะดีเอง พยายามเข้า ok รู้อย่างนี้แล้ว โทรค่ะ โทรไปเลย พูดได้มั่งไม่ได้มั่งก็พูดค่ะ หลังจากที่พยายาม เราก็ได้รับโอกาสไปสัมภาษณ์งาน หลายที่เหมือนกันค่ะ ส่วนมากเป็น ในCity มีคนไปสัมภาษณ์เยอะแยะเลยค่ะ ก็ไปชงกาแฟให้เค้าดู รอเรียก แต่เค้าคงเรียกคนอื่นไปแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ หาต่อ เป็นเวลาหนึ่งเดือนที่เราทำอยู่cafeนี้ทำจนกว่าเราได้งานใหม่ค่ะ และในที่สุดก็ได้งานค่ะ ได้เพราะโทรไปคุยจริงๆค่ะ พอเห็นเค้าวงประกาศใน Gumtree ปุ๊บ ก็โทรปั๊บเลยค่า cafeนี้เป็นcafe ของคน ญี่ปุ่นค่ะ เป็นร้านเล็กๆ น่ารักแบบบ้านๆ ร้านอยู่ suburb ติดกับบ้านเราค่ะ นั่งรถแป๊ปเดียว ไม่ถึง 10 นาที เจ้าของร้านใจดีมากค่ะ พนักงานในร้านเป็นคนญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ น่ารักทุกคน ได้เพื่อนญี่ปุ่นและภาษาญี่ปุ่นเยอะเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ภาษาอังกฤษก็ได้เยอะนะคะ ลูกค้าส่วนใหญ่น่ารักค่ะเป็นฝรั่งมีอายุ อิอิ และเป็นที่แน่นอนว่าเราได้ทำงานในตำแหน่ง Barista ค่ะ คราวนี้เป็น Barista อย่างจริงจังเลยค่ะ เป็นงานหลักเลยค่ะ แต่มีบางทีที่ร้านยุ่งมากๆ เพื่อนๆทำอาหารไม่ทัน เราก็ไปช่วยเพื่อนๆทำอาหารค่ะแล้วเจ้าของร้านก็มาชงกาแฟ อยู่กันแบบครอบครัวค่ะ แบ่งปันอบอุ่นที่สำคัญสบายใจ และแล้วชีวิตการงานก็ลงตัวค่ะ มีความสุขที่ได้ชงกาแฟ และ ได้กินอาหารไทยอร่อยๆทุกวันค่ะ แต่ว่าเหนื่อยค่ะ เราทำcafe5-6 วัน ต่อสัปดาห์ค่ะ แล้วทำร้านไทย 6 วัน ตื่นเช้า หลับดึก แต่ค่าตอบแทนก็ถือว่าเยอะพอสมควรค่ะ

ใช่ว่าเราจะทำงานเป็นอย่างเดียวนะคะ เราก็ยังได้ไปเที่ยวอยู่บ้าง วันหยุดเราก็จะนั่งรถ นั่งรถไฟ นั่งเรือ ไปเที่ยวที่ไม่ไกลมากนัก อย่างเช่น Bondi beach, Coogee beach, Manly,ไป สวนสัตว์, อควาเรียม ,ไปนั่งกินส้มตำในเมือง ไปshopping ไปparkฯลฯ เอาเป็นว่านั่งรถไปเรื่อยๆละค่ะสนุกดี (เราซื้อบัตรรถแบบ multi1 ค่ะ นั่งได้สามอย่างเลยใช้ให้คุ้มแต่ปกติแค่นั่งไปทำงานสองที่ก็คุ้มแล้วค่ะ) บางทีก็ไปทัวร์ Blue mountain ,Hunter walley กับเทศกาล ทิวลิปที่ Canberra อันนี้พลาดค่ะพลาด ,ไป wollongong แล้วก็เดือนกรกฎา ก่อนกลับบ้านก็ไปเที่ยว Canberra แล้วก็ไป Snow ที่Perisher Blue ค่ะ เป็นครั้งแรกที่เห็นหิมะแล้วเป็นครั้งแรกที่เล่นสกีค่ะ มันส์มาก ฮ่าๆๆ และช่วงก่อนกลับบ้านเป็นช่วง halfyear sale พอดีเลยค่ะ มิย-กค ของลดเยอะมากค่ะ ถ้าใครชอบ shopping ก็หวานเลยค่ะ หลายๆอย่างถูกมาก ถูกกว่าและลดเยอะกว่า boxing day ค่ะ และขอบอกว่า วิตามิน ก็ถูกมากค่ะ เราคนนึงแหล่ะที่มีชีวิตรอดในSydney ด้วยวิตามิน เพราะทำงานเหนื่อยจริงๆค่ะ ประมาณว่าเห็นแก่เงิน อิอิ

สถานที่ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพที่ไปได้สะดวกนะคะ นั่นก็คือ

1Paddy’s Market ค่า อยู่ใน China town ค่ะ มีผัก มีเนื้อ มีของถูกขายค่ะ เปิด พุธ-อาทิตย์ วันวันอาทิตย์ผักจะถูกมาก บางอย่างเหลือตะกร้าละ1$ ค่ะ แต่ต้องไปไฟท์กับ อาม่านะคะ

2Thai town ใน cityค่ะ มีร้านอาหารไทย ร้านขายของที่มาจากเมืองไทย ขายเครื่องปรุง ปลาร้า อาหารแช่แข็ง ขนมไทย หนังสือ ซีรี่ย์เกาหลี ส่งเงินกลับไทย ทัวร์ ขายตั๋วเครื่องบิน ร้านขายเสื้อผ้า ส่งของกลับบ้าน ฯลฯ มีส้มตำและก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆหลายร้านเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะคิดถึงเมืองไทย อาหารไทย เพราะที่นี่มีทุกอย่างค่ะ ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะมีอาหารเหนืออย่างเช่น ถั่วเน่า ขายค่ะ แต่ที่นี่มีค่ะ สุดยอดไปเลย เพราะเราเป็นคนเหนือ อิอิ

วิธีหาบ้านและงานค่ะ

1 เวปและ FacebookThaiwahclub ของพี่เกมส์ของเรานี่เองค่า อันนี้ผู้สนับสนุนข้อมูลหลักตั้งแต่ไปต่อแถวที่ สท (เราเป็นปีสุดท้ายที่ไปต่อแถว สท) จนกระทั่งได้ วีซ่า ออส วีซ่านิว และจนกระทั่งเรามาโพสบทความนี้ ขอขอบพระคุณมากๆๆๆๆเลยค่ะ

2 เวปคุณดอสค่ะ Aussiethai.com ค่ะ

3 เวปนี้เลยค่ะ Natui.com.au มีทุกอย่างจริงๆค่ะขายสินค้า หาบ้าน หางาน ขอบอกว่าบ้านและงานเยอะมากๆค่ะส่วนมากเป็นงานร้านไทยค่ะ

4Gumtree.com.au ค่ะ งานเพี๊ยบ หาเลย โทรได้โทรนะคะ อย่าไปกลัว

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาต่อกันที่New Zealand บ้างนะคะ ที่นี่เป็นที่ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนผันอย่างเห็นได้ชัด ได้มารู้จักโลกกว้าง รู้จักคนหลายๆชาติ มีเพื่อนต่างชาติและรู้จักการใช้ชีวิตก็ที่New Zealand นี่แหล่ะค่ะ
ตอนนี้แรกที่มานิวก็คิดไว้ว่าคงเหมือนกับตอนไปออส แต่ไม่เลยค่ะ ผิดถนัดเลยจริงๆหรือเป็นเพราะเราโชคไม่ดีก็ไม่รู้ เริ่มต้นการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ๆอย่างAuckland พยายามหางานตามร้านกาแฟ ร้านขายของ ร้านอาหารไทย แต่ค่อนข้างผิดหวังเพราะ 1.เมืองใหญ่ คนเยอะแต่งานไม่ได้เยอะตาม 2.ด้วยเงื่อนไขของวีซ่าที่ห้ามทำงานเกิน3เดือนเลยทำให้พลาดงาน เพราะที่นี่เค้าค่อนข้างจะเคร่งครัดเรื่องกฏหมายและภาษี ไปที่ไหนๆก็ใช้ IRD NUMBER หรือหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีกันทั้งนั้น เลยหาร้านที่จะจ่ายสดค่อนข้างยาก (หรือบางคนโชคดีเจอร้านที่เค้าจ่ายเงินสดก็ดีไป)

แต่ก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด โชคดียังมีงานร้านไทยทำบ้างอาทิตย์ละ 3-4 วัน แต่!ถ้าใครจะมาทำร้านไทยที่นิวแล้วหวังว่าจะได้ค่าแรงดีเท่ากับร้านไทยที่ออสนั้น ขอบอกว่าคิดผิด! เพราะร้านไทยที่นี่เค้าเปิดเป็นเวลาตั้งแต่ 10 โมง ถึง ดึกๆและมีเวลาพักเบรกคือช่วง บ่าย3ถึง5โมงเย็น ถ้าใครได้ทำfulltime ก็ไม่สามารถสลับไปร้านนู้นร้านนี้ได้เลย พูดถึงเรื่องค่าแรงทำfulltime วันนึง คนในครัวได้ไม่เกิน 100$ เด็กเสริฟวันนึง 75-90$ เท่านั้น จริงๆ ส่วนตัวเราทำเฉพาะชิพเย็นแต่โชคดีที่ทำร้านใหญ่ เค้าเลยให้ 55$ ถ้าทำนานๆเค้าจะเพิ่มให้อีก แต่เราลาออกไปทำสวนซะก่อน

จากที่รู้สึกผิดหวังกับชีวิตในเมืองเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปทำสวน seasonal jobที่แรกที่ไปก็คือ NAPIER

NAPIER ที่มาที่นี่คือมาตามคำบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ของคนที่เคยมาที่นี่ มาถึงตอนแรกก็มาพักที่นี่เลย AQUALODGE มาตามหา TONY! ช่วงที่มานั้นคือช่วงปลายเดือน ตุลาคม หลังจากเตร่อยู่Aucklandประมาณเกือบ2 เดือน ช่วงปลายเดือนตุลา ต้นเดือน พฤศจิกายน ไปถึง คริสต์มาส งานที่มีคือ Apple thinning แต่โชคร้ายเพราะปี 2012 ฝนตกมาก และ แอ๊ปเปิ้ลโตไม่ทันและบางสวนมีปัญหาจากการฉีดยาฆ่าแมลงอีก เลยทำให้ต้องรองานนาน เป็นเดือน! คนที่มาอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นเยอรมันก็รองานเหมือนกัน บางคนรอไม่ไหวก็ไป บางคนเสี่ยงรอก็รอต่อไป
งานAPPLE thinning เริ่มจริงๆคือ เกือบปลายเดือน พย ซึ่งปกติจะเริ่มประมาณต้นเดือน ลักษณะงานก็คือ ให้เด็ดลูกแอ๊ปเปิ้ลลูกเล็กๆบางส่วนออกเพื่อที่แอ๊ปเปิ้ลจะได้ไม่แย่งอาหารกัน งานนี้จ่ายเป็น contract3$-5$ ต่อต้น แล้วแต่ความยากง่าย ต้นนึงทำสองคนอยู่คนละฟาก ทำเร็วได้เงินเยอะบางคนทำได้ 90 ต้นครึ่งต่อวัน และที่สำคัญต้องปีนบันได(มีคนตกบันไดมาแล้วจริงๆ)
สำหรับเราไม่ได้ทำappleหรอก Tonyจะส่งเราไปคัดcherry ซึ่งงานเชอรรี่นั้นคนที่เค้าส่งไปก็จะมีแต่เอเชี่ยนเท่านั้น เพราะโรงงานเชอรรี่ที่นี่เป็น รง เล็กๆ และเอเชี่ยนอยู่นานไม่ได้ไปๆมาๆเหมือนฝรั่ง สำหรับเราเราเริ่มทำงานจริงๆคือปลายเดือน พฤศจิกายน โทนี่ให้ไปทำงาน VINEYARD ไปพลางๆก่อนรอ รง เชอรรี่เปิด ลักษณะงานคือไปเด็ดใบองุ่นต้นเล็ก ทำอยู่เกือบอาทิตย์แล้วก็งานหมด รายได้ดีมาก จ่ายเป็น contract 16cต่อต้น วันนึงก็ทำได้ประมาณ 160$ สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง แต่ปวดขามากๆ ต้องลุกๆนั่งๆ ตลอดเวลา และก็ร้อนด้วย เราได้เริ่มงานเชอร์รี่ต้นเดือน ธันวาคม งานนี้ดีมาก เค้าให้แยกขนาดของเชอร์รี่ จ่าย90c ต่อ กิโล วันนึงได้ประมาณ 200 กก ได้กินฟรีอีกต่างหาก ปลายสัปดาห์แจกกลับบ้านด้วย อิอิ แต่งานมีแค่ถึงคริสต์มาสเท่านั้นเอง พอช่วงหลังคริสต์มาสเราก็ยังไม่ย้าย เพราะ รง นี้เค้าก็แพ็ค Nectarine กับ Peace ต่ออีก แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวัน และพอถึงช่วงแพ็คแอ๊ปเปิ้ลเดือนกุมพาพันธ์ก็แพ็คแอ๊ปเปิ้ลต่อ ที่นี่เค้าแพ็คแอ๊ปเปิ้ลทั้งสำหรับในประเทศและส่งออก รง นี้ทำงาน5 วัน บอสใจดีมากๆ เราทำที่ รง นี้จนครบ3เดือน คือกลาง เดือนมีนาคม ก็ย้ายไปแพ็คแอ๊ปเปิ้ลที่อีก รง หนึ่ง ซึ่ง.....สุดๆไปเลย
แต่งานอื่นที่มีนอกจากนี้ก็จะเป็นงาน Vineyard คือช่วงต้นเดือน มกราคมถึงต้นเดือนกุมพาพันธ์ งานจ่ายเป็นชั่วโมงแต่ร้อนสุดๆไปเลย หลังจากนั้นงาน vineyardก็จะเป็นงานเก็บองุ่น คือช่วง มีนาคม เมษายน อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจแต่งานก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่และฝนตกบ่อย!
มาถึงช่วงที่คึกคักที่สุดของNAPIERนั่นก็คือ อาทิตย์ที่สองของเดือนกุมพาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายน นั่นก็คือ Apple packing โรงงานที่โทนี่ส่งเด็กไปทำมากที่สุดนั่นคือ รง ชื่อว่า Green planet เราก็ย้ายจาก รง เดิมมาทำที่นี่แหล่ะ ที่โรงงานนี้ทำงาน 6-7วันต่อสัปดาห์ ทำวันละ 10 หรือ บางทีก็ 11 -12 ชั่วโมงต่อวัน เคี่ยวสุดๆ งานเค้าเยอะมาก แต่จะว่าไปทำชั่วโมงยาวเก็บเงินได้เยอะอยู่ก็ทนๆไป เลิกงานมาก็กลายเป็นซากไปตามๆกันเลยทีเดียว เราก็อยู่ที่นี่จนเค้าแพ็คเสร็จก็เป็นเวลา3เดือนพอดี

อีกงานคือ Apple Picking หรืองานเก็บ แอ๊ปเปิ้ลนั่นเองงานเก็บ apple เริ่มช่วงเดือน กุมพากันธ์ ถึง พฤษภาคม ค่ะลักษณะงานคือ งานcontractค่ะ ให้เก็บ ใส่ใน BIN ที่เป็นลังไม้ใหญ่ๆ ขนาด เมตร x เมตร รึเปล่าถ้าเดาไม่ผิด แต่มันก็ใหญ่อยู่ ค่าแรงให้binละ 30$ค่ะ (บางสวนงาน ชม แต่น้อยมาก)วันนึงต้องทำให้ได้อย่างต่ำ 4 bin ถ้าทำไม่ได้ ไล่ออกกกกกก เวลาเก็บเค้าจะมีตะกร้าให้แขวนข้างหน้า เก็บappleใส่ตะกร้าแล้วก็ เอาไปเทลงในbin กว่าจะเต็มก็หลายสิบตะกร้าอยู่น๊า บางคนเก็บเก่งมากวันนึงได้ 10 bin อัพ แบบว่า เทพเว่อร์ และอีกแล้ว ร้อน และปีนบันไดด้วยค๊าาาาาาาา

งาน APPLE ที่ Nelson ก็มีนะคะ แต่เราไม่ค่อยเชี่ยวชาญ เพราะที่เนลสันเป็นแหล่งappleที่ใหญ่เป็นอันดับ1ของประเทศค่ะ Hawkes bay เป็นอันดับ2ค่ะ

สรุปว่าเราพักอยู่กับโทนี่ร่วม7เดือนเลยทีเดียว อยู่ที่นี่มีบ้าน3หลัง ตอนแรกเราอยู่บ้านหลังที่เรียกว่า German house เพราะในบ้านมีแต่คนเยอรมัน ได้เพื่อนเป็นเด็กๆเยอรมันน่ารักๆ จากนั้นไม่นานก็ขอย้ายไปอยู่ Asian house เพราะเตียงว่างพอดี บ้านนี้ไม่มีฝรั่ง หัวดำล้วนๆ ก็สนุกดีแบบAsianๆ ได้เรียกภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไปในตัว และเป็นบ้านที่สะอาดและเรียบร้อยที่สุดของ Aqua lodge และอีกบ้านคือ middle house หลังนี้ mix และ วุ่นวายที่สุด!
พูดถึงเรื่องรถรับส่งไปทำงาน คือที่มาพักที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีรถเพราะถ้าได้งานจากโทนี่ โทนี่ก็จะไปรับส่งเราทำงาน หรือถ้าคนเยอะเค้ามีรถตู้3คันแล้วก็รถอื่นๆอีก เค้าก็จะให้เราขับไปกันเองโดยคิดค่าน้ำมัน4$ต่อวัน หรือจะแชร์กับคนที่เขามีรถอยู่แล้วก็ได้เพราะบางทีอาจถูกกว่า
อยู่ที่นี่โทนี่ดูแลคนที่พักกับเค้าเป็นอย่างดีทีเดียว หางานให้ เค้ารู้จักคนเยอะและก็รู้จักเจ้าของสวน เจ้าของโรงงาน contractor เยอะและโทนี่ก็ใจดีมากๆช่วยเหลือทุกอย่าง แต่บางคนมาผิดช่วงงานไม่มี งานน้อยไม่ได้งานก็ไม่ค่อยปลื้มที่นี่เท่าไหร่ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ถ้าจะมาทำงาน seasonalwork ก็ต้องมาให้ถูกช่วงและมาก่อนซักเล็กน้อยน่าจะดีเพราะคิวจะได้ไม่ยาวนะคะ
ที่ Aqua Lodge เน็ตไม่ฟรีนะคะ ถ้าอยากเล่นเน็ตฟรีให้ไปเล่นที่ในเมือง หรือ parkใกล้ๆกับ countdown ไปparkที่มีระฆังอ่ะค่ะ เล่นได้ครั้งละ1ชม ต่อ เครื่อง แต่ถ้าใครมีโปรแกรมเปลี่ยน ip address ก็ ต่อได้เรื่อยๆเลยจ้า หุหุหุ ไปโหลดโปรแกรมมาซะ

สรุปงานหลักๆที่ NAPIER

APPLE THINNING ต้นเดือน พฤศจิกายน ถึงคริสต์มาส
Cherry sorting and packing กลางเดือน พฤศจิกายน ถึง คริสต์มาส
Vineyard work เดือน มกราคม ถึง กุมพาพันธ์
Apple packing/picking เดือน กุมพาพันธ์ ถึง กลางเดือน มิถุนายน
ปล.งานแพ็คแอ๊ปเปิ้ลยังมีโรงงานอื่นอีกนะคะแต่ต้องไปสมัครเอง เช่น ENZA, Mr.Apple, Apollo เพื่อนเราก็ไปสมัครเองค่ะส่วนมากเป็นnightชิพ
เสร็จจากงานแพ็คแอ๊ปเปิ้ลก็พักผ่อนท่องเที่ยวซักพักแล้วก็มาลุยงานที่เกาะใต้ต่อค่ะ งานที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำนั้นก็คือ แพ็คปลา HOKI ของ TALLEY’s ที่ Westport ค่ะ ที่ไม่ได้ทำเพราะมาช้าเกินไป คนรอเยอะคิวยาว
งานที่ Westport เดือน มิถุนายน ถึง กันยายน ที่ TALLEY’s สาขาWestport แพ็คปลา HOKI ที่นี่มีหลายตำแหน่งค่ะสอบถามจากเพื่อนที่เค้าไปทำกัน ทำแผนก แล่ปลา ตัดหัวปลา แพ็คปลา เลาะก้าง ฯลฯ งานนี้จ่ายเป็นชั่วโมงค่ะ วันนึงทำ 10 ชั่วโมง งานยาว โรงงานก็ดีค่ะ เพื่อนบอกว่า Talley’s สาขานี้ดูแลพนักงานดีมากค่ะ
ส่วนที่พักเราพักที่ Tripp InnYHA ค่ะ ราคาไม่แพง เน็ตฟรี เวลาไปทำงานไม่จำเป็นต้องมีรถค่ะ เดินไป 15นาทีถึงค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แบบว่าเล็กมากๆจริงๆ เวลาไปสมัครงานก็เดินไปกรอกใบสมัครที่ office ได้เลยค่า อย่าลืมไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนานะคะ ย้ำๆๆๆ เราไปช้าเลยอด เราเลยมุ่งหน้าไปทำไรองุ่นที่ Blenheim!

งานที่ Blenheimเมืองแห่งไร่องุ่นและไวน์ มาที่คือต้องมาทำไร่องุ่นเท่านั้นมันถึงจะคลาสสิค ฮ่าๆมาถึงเบลนเฮมต้นเดือนกรกฏาคม หนาวมาก!!! ขอบอกไว้ ณ ที่นี้นะคะว่าเราไม่จำเป็นต้องอยู่ตามbackpacker เพราะที่นี่บ้านเช่าเยอะและถูก ส่วนเรื่องรถรับส่งนั้นบริษัทcontractorเค้ามีรถรับส่งให้ค่ะ แต่ถ้าเป็นcontractorเล็กๆเขาไม่มีรถบริษัทฉะนั้นเราก็ต้องมีรถเป็นของตัวเองนะคะ มาดูงานองุ่นกันเลย เริ่มต้นจากหน้าหนาววววววว
Vineyard Pruning and wrappingเดือน มิถุนายน ถึง ต้นเดือนตุลาคม งานpruning คือ งานตัดดึงกิ่งองุ่นให้บางลงเพื่อที่คนwrapหรือคนมัดกิ่งองุ่นจะได้มัดง่ายขึ้น ส่วนใหญ่งานpruningจะเป็นงายผู้ชายนะคะ ต้องใช้ กรรไกรตักกิ่งอันใหญ่ตัดแล้วก็ดึงๆๆออก ส่วนงานผู้หญิงwrappingคือ คือการนำกิ่งองุ่นมามัดกับเส้นลวด งานนี้ปวดมือมากกกกกกก เพราะต้องใช้กรรไกรเล็มหนวดองุ่นซึ่งเค้าเรียกว่าการtrimming เล็กๆมัดๆ ตื่นเช้ามามือแข็งขยับไม่ได้ แต่ก็ต้องทนๆไปซักสองอาทิตย์จะชินและชาไปเอง ฮ่าๆๆๆๆ และหน้าหนาว มันก็หนาวและแข็งมากในตอนเช้าๆ บางทีมีน้ำแข็งเกาะตามต้นองุ่น โอ้วจะเฟรชไปไหน พอถึงกลางseason ฝนค่ะฝน วันไหนงานเร่งฝนตกหนัก หยุดไม่ได้ต้องทำให้เสร็จวันนั้น ก็สวยท่ามกลางพายุกันเลยทีเดียว ชุ่มฉ่ำๆๆ ส่วนเรื่องแดดไม่ขอพูดถึงเพราะต้องเจอทุกวันก็เป็นไอ้โม่งกันไป งานนี้ก็งานcontractค่ะ pruning เราไม่ค่อยชัวร์นะ ไม่แน่ใจราคา ส่วน wrapping จ่าย 20-45c ต่อต้น แล้วแต่ว่ามัดกี่แขนแล้วก็แล้วแต่contractor อีกที ทำเร็วก็ได้ตังค์เยอะค่า
Vineyard Shoot thinning,Bud rubbing,Wire lifting งานเริ่มประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน จนถึง ธันวาคม ค่ะ Shoot thinning ก็คือการเลือกยอดองุ่นนั่นเองค่ะเพราะช่วงนี้เป็นฤดู springต้นไม้แตกยอดอ่อนๆ เราก็ต้องเลือกบางยอดออก งานสบายค่ะเดินๆเลือกๆหลับๆ จ่ายเป็นชั่วโมง ต่อมาBud rubbing คือการรูดต้น เราจะต้องรูดใบเล็กๆตามลำต้นออกเพราะถือเป็นวัชพืชค่ะ งานนี้ต้องสวมถุงมืแบบพิเศษ ปวดหลังและปวดขาจริงๆ รายได้ บางที่จ่ายเป็นชั่วโมง บางที่ก็ให้เป็นcontract ต้นละ3-4c วันนึงก็รูดอย่างต่ำ 4000ต้นละค่า ไหนจะรูดขึ้นเนินอีก ตายๆ สุดท้าย wire lifting คือการยกลวดจากข้างล่างขึ้นไปหนีบกับกิ๊บที่อยู่บนเสาค่ะ ถ้ายกระดับสูงสุดมันก็หนักมากกล้ามขึ้น ทำท่าเหมือนนักยกน้ำหนักอะไรแบบนั้นเลยล่ะจริงๆนะ
หลังจากงานนี้หมดก็จะเริ่มเงียบๆลง รออีกทีก็ช่วงตัดลูกนู้นเลยค่ะ เดือน มีนา เมษา ถึงจะเริ่มคึกคัก Blenheim เป็นเมือง สวย ไปไหนก็มีแต่ไร่องุ่น ไวน์ก็อร่อย แล้วเมืองนี้มีคนไทยเยอะมากๆๆ พี่ๆเค้ามาทำไร่องุ่นกันค่ะบริษัทเกือบทุกบริษัทที่นี่จะมีพนักงานเป็นคนไทยและก็คนจากประเทศเพื่อนบ้านนิวซีแลนด์ค่ะ ที่จริงงานvineyardมีเกือบตลอดปีแต่จะอยู่ที่ว่าช่วงไหนงานเยอะช่วงไหนงานน้อยเท่านั้นเองค่ะ ใครอยากลองมาทำก็ไม่เลวนะคะ สวยดีส่วนตัวเราชอบนะ สวย อิสระ สนุกดี และขอเพิ่มเติมเรื่องห้องน้ำ ห้องน้ำเป็นแบบห้องน้ำเคลื่อนที่นะคะอาจจะไม่ค่อยสะอาดถ้าไม่ชอบใช้ห้องน้ำก็ใช้ห้องน้ำตามใต้ต้นองุ่นได้เลยค่า แล้วในไร่องุ่นก็จะมีแกะที่เขาปล่อยให้กินหญ้าในไร่ แต่อย่าคิดว่าจะเหมือนแกะบ้านเรานะคะ ไม่ค่ะ แกะที่นี่เห็นคนแล้ววิ่งหนี อดจับแกะเบย

คำเตือน บางcontractorบอกราคาเท่านี้ๆตอนเริ่มงานแต่พอเวลาเงินออกกลับให้น้อยกว่าเดิมอันนี้โดนมาแล้ว! แล้วเวลาทำงานก็ควรจะจดบันทึกด้วยว่า วันนี้ทำที่ไหน สวนชื่ออะไร ทำได้กี่ต้น เพราะเวลาเค้าจ่ายเงินเราผิดเราจะได้มีหลักฐานไปแสดงให้เค้าดูนะคะ อย่าให้เค้าโกงเรา หรือถ้าเข้ายังโกงเราอยู่ จนปัญญาหมดวิธีที่จะคุย เราก็สามารถโทรไปฟ้อง Department of Labour โทร 0800209020 เค้าจะรับฟังปัญหาและสืบสวนนายจ้างเราต่อไปค่ะ

รวบรวมรายชื่อVineyard Contractor เท่าที่ทราบ

พี่รุ่ง 0210354853 พี่contractorคนไทยค่ะ ใจดี แต่ควรจะมีรถค่ะ
Vinepower 03 5975005
Vinework 021 833493
Focus 021 2772440
Alapa 0272533613 (ไม่ค่อยอยากแนะนำ)
Laconic 027 2033705
Provine (ไม่มีเบอร์ง่ะ)
Julie 021 743293
Blair 021 910696

งานอื่นๆจากเพื่อนๆ
1งานแกะหอยแมลงภู่ของOPC ที่ Whitianga เกาะเหนือ แต่เราไม่แน่ใจว่าเริ่มและสิ้นสุดเมื่อไหร่ เท่าที่ทราบน่าจะประมาณเดือน ธันวาคม – มกราคม และ พฤษภาคม-กรกฎาคม สมัครด้วยตัวเองที่โรงงานนะคะ
2งานแกะหอยของ Talley’s มีหลายสาขามาก ที่เพื่อนๆไปแกะก็มีที่ Motueka, Blenheim,Timaru เดือนกันยายน ตุลาคม จนถึง พฤศจิกายน ถ้าไม่แน่ใจให้เช็คในเว็บของTalley’s ได้เลยค่ะ

มาอยู่นิวซีแลนด์สนุกดีค่ะ ได้ฝึกภาษา เพราะรู้สึกว่าภาษาดีขึ้นมาก ดีกว่าตอนอยู่ออส เพราะที่นี่ไม่ค่อยเจอคนไทยแล้วก็ได้รู้ว่า backpacker มันเป็นก็ยังไงก็ที่นิวซีแลนด์นี่แหล่ะ ได้ใช้ชีวิตจริงๆ เร่ร่อนไปเรื่อยๆ ได้ลองทำหลายๆอย่างๆ เช่นการโบกรถข้างทาง บางคนถึงกับโบกเป็นกิจวัตรเลยทีเดียวแบบ แทบไม่เสียค่ารถเวลาย้ายเมืองเลย แต่สำหรับเราครั้งเดียวก็เกินพอ ต้องระวังตัวดีๆบางทีอันตรายก็มีโดยไม่รู้ตัว สถานที่ท่องเที่ยวก็สวยมาก ได้เที่ยวเยอะดีไปเกือบครบทุกเมืองเลย เป็นประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้ ได้เพื่อนเยอะดี ฟิน!!

ประสบการณ์ที่แชร์ก็มีเท่านี้นะคะหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะเดินทางไปหรือกำลังตัดสินใจว่าจะไปทำอะไรต่อดี โชคดีค่ะทุกๆคน..........+++++

ภาคเสริม
การต่อวีซ่าสามเดือน
1.Pay slip จากงานทำงาน seasonal job 12 เป็นเวลา 3เดือน หรือ ใบขึ้นไป (ไม่รวมการทำปลา Hoki และ แกะหอย)
2.รูปถ่าย 2ใบ

  1. ค่าวีซ่า 165$
  2. แบบฟอร์ม INZ1153

5.passport

  1. ตั๋วเครื่องบินกลับบ้านหรือเงินในบัญชี (เราโชว์ไป4000$)
    ส่งไปที่ immigration Nz สาขาไหนก็ได้ แต่เราส่งไปที่สาขา palmerston north เร็วดี 1อาทิตย์ก็ได้แล้ว สาขาเมืองใหญ่ๆรอประมาณ3อาทิตย์

การขอวีซ่าทรานซิทจากนิวไปออส แบบ72ชั่วโมง

  1. แบบฟอร์ม ทรานซิท48R subclass771
  2. รูปถ่าย 1 ใบ เซ็นกำกับหลังรูปด้วย
  3. ตั๋วเครื่องบินที่คอนเฟิมจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วหรือถ้าใครไม่ชัวร์กลัวโดนปฏิเสธวีซ่า เราให้flight centerออกตั๋วให้ก่อนแต่เสียเงิน 50$
  4. ถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตทุกหน้าและวีซ่าทุกอันที่เคยได้รวมถึงหน้าที่มีตราปั๊มเข้าออกของแต่ละประเทศด้วย
  5. ค่าดำเนินการ แนบเช็คธนาคารสั่งจ่าย TT services New Zealand Ltd จำนวน 32$ หรือเช็คในเวปของ tt services อีกทีเผื่อขึ้นราคา
  6. ส่งเอกสารไปที่ TTServices PO Box 105154 Auckland city, Auckland 1143 ใช้เวลา5วันทำการค่า อย่าลืมกรอกอีเมล์เค้าจะแจ้งผลทางอีเมล์นะคะ




Posted : Nov 28, 2013 , 17:06:44 PM     View : 29577
02 No.
First Last 01 No.
ขอบคุณคะ สำหรับรีวิวประสบการณ์ดีๆ >> slotxo
reply    report