ข่าวสาร >
2017
November
8
ขั้นตอนการยื่นวีซ่า Work and Holiday Australia 2017
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 60888 คน )

หลักฐานการยื่นวีซ่า Work and Holiday

Work and Holiday Application Checklist 
ใช้ใบนี้แปะหน้าเอกสารอื่นๆ ที่เราจะยื่นกับทาง VFS เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจเชคเอกสารได้ง่าย และสะดวกกับเราเองด้วยที่จะตรวจว่าเอกสารครบหรือไม่ครับ
Checklist จากเวปสถานทูต
Checklist พร้อมคำอธิบายจาก Thaiwahclub & Beyond Study

1. แบบฟอร์ม 1208 (Work and Holiday Visa) ทีกรอกเรียบร้อยแล้ว 
ดาวน์โหลดฟอร์มเวอร์ชันล่าสุดได้จากเว็บ  https://www.border.gov.au/ หรือจากลิงค์นี้ Form 1208
และสามารถดูรายละเอียดการกรอกแบบคร่าวๆได้ที่นี่ครับ ตัวอย่างกรอกฟอร์ม 1208
**Version แบบฟอร์มอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังวันที่ 1 July 2017**

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอกฟอร์ม 1208 :

  • กรอกหรือพิมพ์จาก pdf ก็ได้ แต่พิมพ์จะดีกว่า เพราะจะอ่านง่ายและจะได้ไม่มีการเข้าใจผิดในข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการสะกด หรือลายมือของแต่ละคนครับ
  • ไม่จำเป็นต้องพิมพ์หรือกรอกเป็น Capital Letters ทั้งหมด - ที่เค้าบอกว่าให้เป็น block letters เพราะจะให้อ่านง่ายหากใช้มือกรอกครับ ดังนั้นจึงแนะนำให้เขียนแบบ block letters ไปเลย ( THAIWAHCLUB แทนที่จะเป็น Thaiwahclub เป็นต้นครับ)
  • ใช้ปากกาดำหรือน้ำเงินก็ได้ 
  • Copy ฟอร์มที่เรากรอกเก็บไว้ด้วยเพื่อใช้เป็น reference

2. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 440 AUD หรือ 11,900 บาท และ ค่ายื่นใบสมัครพร้อมทำไบโอเมตทริกซ์ 883 บาท
หรือตรวจสอบค่าวีซ่าล่าสุดได้ที่เวป VFS โดยเราสามารถชำระเป็นเงินสดได้ที่ VFS เลยครับทั้งในส่วนค่าวีซ่า ค่าธรรมเนียม และค่าบริการอื่นๆ

หรือ ถ้าซื้อจะซื้อกับธนาคารมาล่วงหน้า สามารถชำระเป็น Cashier’s cheque หรือ Bank Draft ที่ซื้อจากธนาคารในกรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี หรือจ.สมุทรปราการ สั่งจ่าย “Australian Embassy Bangkok” [ ตรงนี้ห้ามสะกดผิดเลยะนะครับ ถ้าผิดจะต้องไปยื่น Bank Draft เข้าไปยื่นใหม่อีกรอบ และนำใบเก่ากลับไปเคลมเงินคืนเป็นที่วุ่นวาย ]
**Bank draft เองจะสะดวกดีในกรณีที่เราไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง เพราะจะได้ไม่ต้องให้คนอื่นถือเงินสดไปครับ**

3. หนังสือเดินทางตัวจริงพร้อมสำเนา (Passport) ที่มีอายุการใช้งานคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน และแนบสำเนาของหน้าที่เคยเดินทางไปที่อื่นไปด้วย

4. รูปถ่ายสีติดฟอร์ม 1208
- รูปถ่ายไม่เกิน6 เดือน
- ขนาด 4.5 x 3.5 ซม. จำนวน 2 รูป
- ภาพสี พื้นหลังเรียบ
- หน้าตรงและใบหน้าชัดเจน
เซ็นลายมือชื่อ (ตัวบรรจง) เราด้านหลังทั้งสองรูปด้วย **

5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัคร

6. สำเนาทะเบียนบ้านหรือสูติบัตร
ที่มีชื่อทั้งบิดาและมารดาของผุ้สมัคร (เลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง) : ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรนี่ยังไงก็เป็นภาษาไทยอยู่แล้วดังนั้นต้องแปลไปด้วยนะครับ 

**ตัวอย่างเอกสารการแปลเพิ่มเติม ดูได้ในนี้ครับ 
Thaiwahclub Download
ตัวอย่างการแปลเอกสารราชการจากเวปกงศุล 

7. ใบเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล
ในกรณีที่เราได้มีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลเราต้องแจ้งไว้ให้ทางสถานทูตทราบใน  Form 1208 และต้องแนบใบเปลี่ยนชื่อพร้อมใบแปลไปให้ทางสถานทูตด้วยครับ

8. หลักฐานการผ่านการเกณฑ์ทหาร
สำหรับผู้ชายจะมีหลักฐานที่บอกว่าผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วหรือเรียนรด.แล้วที่ ต้องยื่นไปด้วยครับแต่ละคนที่เรียนรด.มาแล้วจะได้ สด. 8 หรือ สด. 9  และคนที่ไม่เรียนแต่ผ่านการคัดเลือกทหารแล้วจะมีใบ สด. 43 ครับดูรายละเอียดการแปลของเอกสารทางการทหารได้จากด้านล่างครับ

9. หลักฐานการศึกษา
แนะนำว่าให้ยื่นไปทั้ง Transcript และใบรับรองจบ (สำเนา) ไปทั้งสองใบเลยครับในกรณีที่มหาวิทยาลัยไหนออกใบรับรองหรือ Transcript มาเป็นภาษาไทย แนะนำให้ไปขอเวอร์ชันภาษาอังกฤษจากทางมหาวิทยาลัยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ (เพราะถ้าเอกสารที่เป็นภาษาไทยจะส่งไป ก็ต้องมีเวอร์ชันแปลส่งไปด้วย และเอกสารอย่าง transcript นี่แปลค่อนข้างยากครับ)

10. หลักฐานการทำงาน 
เช่น จดหมายรับรองการทำงานก็เป็นหลักฐานที่ควรแนบไปด้วยครับเพราะแสดงให้เห็นถึงประวัติของเราว่าเราทำอะไรมาบ้าง อ้างอิงจากเวป VFS ว่ายื่นเป็นตัวจริง และแนบก้อปปี้ไปด้วยครับ

11. หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็น IELTS / TOEFL หรือผลการเรียนเป็นโปรแกรมภาษาอังกฤษ หรือ International Program

12. หลักฐานการสมรส

13. แผนการเดินทางโดยคร่าว ๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย 
เขียนแผนการเดินทางเป็น ภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 โดยประมาณเขียนคร่าวๆ ว่าเราจะไปทำอะไรบ้างที่ไหนยังไง อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับแผนการเดินทางได้ใน เขียนอะไรดีในแผนการเดินทาง

จากที่ได้ฟังบรรยายจากสถานทูตล่าสุด เค้าบอกว่าแผนการเดินทางไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ผมยังแนะนำให้มีอยู่ดีครับเพราะแผนการเดินทางจะทำหน้าที่เป็น Statement of purpose ที่บอกเป้าหมายของเราว่าเราเป็นใคร จะไปทำอะไรในประเทศเค้าได้ดีกว่าเอกสารอื่นๆ

14. หนังสือรับรองตัวจริงจากทาง ดย. (แนะนำว่าส่งก้อปปี้ไปด้วย และก้อปปี้เก็บไว้กับตัวเองด้วยครับ)

15. หลักฐานทางการเงิน

ผู้สมัครจะต้องแนบหลักฐานการเงินที่มีเงินอย่างน้อย 5,000 AUD โดยใช้เป็นสมุดบัญชีตัวจริงและสำเนาย้อนหลัง 6 เดือน โดยจะแนบ Bank Guarantee หรือ Bank Statement ไปด้วยก็ได้ครับ

  • ไม่แนะนำให้นำเงินออกจนมีเงินต่ำกว่า 5,000 AUD หลังจากขอ Bank Guarantee มาครับ
  • ใบรับรองทางการเงินหรือ Bank Guarantee ต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือน
  • ในกรณีไม่ได้อัพเดทสมุดบัญชีบ่อย เวลามาอัพเดทยอดจะรวมกันเป็นยอดเดียว แนะนำให้ข้อ Bank Statement แนบไปด้วย
  • ในกรณีมีหลักฐานการเงินของ sponsor ควรแนบสำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนไปด้วย
  • ตัวอย่าง Bank Guarantee [ แสดงยอดเงิน ณ วันนั้นๆ ]
  • ตัวอย่าง Bank Statement [ แสดง transactions ทั้งหมดในเวลาที่กำหนด รวมถึงยอดเงินเข้า-ออก และคงเหลือ]

คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานการเงินสำหรับการยื่นวีซ่า Work and Holiday Australia 
  - เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องหลักฐานการเงินเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นวีซ่า จึงอยากอธิบายตรงนี้เพิ่มเติมให้โดยละเอียด โดยแยกตามประเภทของหลักฐานดังนี้

1. สมุดบัญชีตัวจริง + สำเนาย้อนหลัง 6 เดือน หรือ Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน + สำเนา
ในการยื่นเอกสารกับทางสถานทูตออสเตรเลีย เอกสารที่แนะนำให้แนบไปด้วยเลยคือ Bank book ตัวจริงอัพเดทล่าสุด (แสดงให้เห็น transactions ย้อนหลัง 6 เดือน) และตัวสำเนา แต่ในกรณีที่ไม่สะดวกให้เล่มจริงอาจจะขอเป็น Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมแนบสำเนาไปด้วยครับ

**เงินไม่จำเป็นต้องค้างอยู่ 6 เดือนก็ได้ แต่ต้องมีที่มาชัดเจน คือมาจากคนที่น่าจะให้เราจริง ที่มีอาชีพชัดเจน และโอนให้แล้วเค้าก็ไม่เดือดร้อนครับ**

2. หลักฐานที่มาของเงิน : 
ทางสถานทูตจะดูว่าผู้สมัครมี transaction หรือการเข้าออกของเงินเป็นยังไงในช่วงหกเดือนล่าสุดก่อนยื่นวีซ่า หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา เราก็ควรที่จะสามารถอธิบายที่มาของเงินเหล่านั้นพร้อมแนบหลักฐานไปด้วยครับ (Evidence of source of sudden fund and explanation)

วิธีดูง่ายๆ ว่าเราควรจะต้องแนบหลักฐานหรือต้องอธิบายที่มาของเงินหรือไม่ก็คือ ดูว่าการเข้าออก และเงินที่คงอยู่โดยทั่วไปมีเท่าไหร่ เช่น ถ้าเรามีเงิน 2 แสนมาตั้งแต่ 6 เดือนก่อน และมีเงินเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยมียอดต่ำกว่า 2 แสนเลย แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร (แค่อาจจะเขียนอธิบายให้เข้าใจว่าเงินที่อยู่ในบัญชีมีที่มาจากที่ไหน เช่น เป็นเงินเก็บ) แต่หากว่า บัญชีที่เรามีเป็นบัญชีเงินหมุน เช่น  ยอดสูงและต่ำสุดระหว่าง 1-2 หมื่นบาท แต่ก่อนจะยื่นวีซ่ามีเงินโอนเข้ามาอีก 1.5 แสน โดยไม่ว่าจะโอนเข้ามาทีละ 5 หมื่นบาท 3 ก้อน หรือจะโอนมา 1.5 แสนทีเดียว เราก็จะต้องอธิบายให้ทางสถานทูตฟังได้ โดยมีหลักฐานที่เชื่อถือได้แนบไปด้วยครับ (คือการเข้าออกของเงินไม่เหมือนปกติก่อนหน้านี้)

ตัวอย่างสมุดบัญชีเงินฝากสำหรับยื่นวีซ่า

หลักฐานที่ควรแนบไปเพื่ออธิบายการเข้ามาของเงินก้อนใหญ่

2.1 จดหมายอธิบายจากคนที่โอนเงินให้ว่าเค้าโอนให้เราเพราะอะไร ทำไม เมื่อไหร่ยังไง จากบัญชีไหน ไปบัญชีไหน เค้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเรา
2.2 จดหมายอธิบายที่มาของเงินที่เราเขียนอธิบายเองว่า เงินในบัญชีเข้ามาจากที่ไหน ด้านล่างเป็นตัวอย่างจดหมาย Evidence of source of funds ของคุณ Punz Thestar นักเรียน IELTS รุ่นแรกสุดของผมครับ :)

Evidence of source of funds

BANK OF AYUDHYA
Name of Account Mr Punz
Account No. 15X-1-30760-X

My main income is from XX Company Limited that I have been working as a full time employee in position Marketing Officer since 18 May 2009 (X Bath) with transfers to my saving bank account (15X-1-30760-X) every month (day 28th). So I

27/07/11 Received bonus and salary amount 3X,070 Baht.
24/08/11 Received gift 13X,000 for Work and Holiday in Australia fromMr X, my older brother who is my guardian.

Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income by following;

- Savings account passbook (BANK OF AYUDHYA Account No. 15X-1-30760-X)                
- Employment letter.

If you would like any further information, please don't hesitate to contact me.

Yours faithfully,

Mr X

ตัวอย่างอีกฉบับจากน้องเล้ง ณ Sydney ครับ  [Leng-Leng Taecharattanawanit]

Evidence of Source of Funds
BANK OF xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
Name of Account Miss xxxxxxxxxxxxx
Account No. xxxxxx

My main income is from working for xxxxxxxxxxxxx. I have been working as a xxxxxxxxxxxxxx since DATE MONTH YEAR (starting at xxx THB) in which transfers to my saving bank account (xxxxxxxxx) every month (day 30th/31st). 

Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income as follows:

- Savings account passbook (BANK OF xxxxxxxxxxx Account No. xxxxxxx)     
- Statement of the past six months (BANK OF xxxxxxxxxxxx Account No. xxxxxxx)        
   ข้อนี้ optional นะ เค้าไม่ได้ขอ แต่อยากให้ก็ได้ 55555 อันนี้เผอิญเปน คนละบัญชีกับเงินเดือน     
- Employment letter (ถ้ามี)

If you have further query, please do not hesitate to contact me.

Yours faithfully,

Name Surname

ในกรณีที่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน ผมมีเขียนตัวอย่างไว้ให้ดูอีกเพิ่มเติมดังด้านล่างครับ
     ตัวอย่างจดหมาย - Evidence of Source of Fund

นอกจากนี้ ปกติจะแนะนำให้มีจดหมายอีกฉบับที่เขียนโดยผู้สปอนเซอร์แนบไปด้วย เพื่ออธิบายว่าเงินก้อนนี้ให้เราจริงๆครับ

ตัวอย่างจดหมาย - Financial Support Letter

 

**ที่สำคัญที่ต้องเน้นเลย คือตัวอย่างจดหมายนี่ให้ไว้สำหรับเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่แนะนำให้ลอกไป เพราะแต่ละคนรายละเอียดจะต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่โอนเงินให้ หลักฐานที่มาขอเงินของคนที่โอนให้ ความสัมพันธ์กับคนที่โอนให้

สำหรับกรณีอื่นๆ ผมแนะนำให้อ่านกระทู้ การทำ Statement Work and Holiday ด้วยครับ ในกระทู้จะอธิบายถึง case study แบบต่างๆที่มีเพื่อนๆมาถามไว้ครับ

2.3 copy ของสมุดบัญชีของผู้ที่โอนเงิน / ถ้ามีหลักฐานการทำงาน ที่มาของรายได้ขอคนที่โอนให้เราได้ก็จะยิ่งดีครับ 

2.4 copy of ID card (บัตรประชาชน / Passport ) ของบุคคลในข้อ 2.1
2.5 copy of House Registration ของบุคคลในข้อ 2.1 เพื่อให้ลิงค์กันกับเรา เช่น สมมติเป็นคุณป้า (พี่สาวคุณพ่อ) ทะเบียนบ้านคุณป้า และคุณพ่อก็จะลิงค์กันด้วยชื่อของคุณปู่คุณย่า ที่เหมือนกันเป็นต้นครับ

16. Evidence of Source of Fund (ในกรณีที่มีเงินเพิ่งเข้ามาไม่นาน)

17. หลักฐานเกี่ยวกับการประกัน
ก่อนหน้านี้จะมี condition ในวีซ่าที่บอกไว้เลยว่าเราต้องมีประกันตลอดระยะเวลาการเดินทางด้วย แต่หลังๆนี้สถานทูตนำออกไปแล้วครับ ดังนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่มีผลกับการพิจารณาวีซ่า อย่างไรก้ตามผมแนะนำให้มีไปด้วยเลยถ้าจะซื้ออยู่แล้วครับ เพราะจะมีกรณีที่ไม่ได้ยื่นไปแล้วทางสถานทูตขอเพิ่มมาก็มี และยังไงก่อนไปก็แนะนำให้มีก่อนอยู่แล้วและไม่แพงด้วย

เกร็ดความรู้เรื่องประกันสุขภาพ
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH 2017 (3/6 เดือน : Chartis)
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH 2017 (1 ปี : ไทยวิวัฒน์)
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH 2017 (1 ปี : Allianz)

การเซ็นรับรองเอกสาร

  • เราสามารถเซ็นรับรองเอกสารว่า "รับรองสำเนาถูกต้อง" หรือ "Certified True Copy" ได้ด้วยตัวเองครับ แนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ดีครับ และให้เซ็นเหมือนกับที่เซ็นไว้ใน Passport (ภาษาใดก็ได้)
  • เอกสารของใครก็ให้คนนั้นรับรองครับ เช่น บัตรประชาชนคุณแม่ คุณแม่ก็ต้องเป็นคนเซ็น

การแปลเอกสาร

การยื่นเอกสารกับสถานทูตเราจำเป็นต้องแปลเอกสารทุกอย่างที่ไม่เป็นภาษาอังกฤษไปให้ทางสถานทูตด้วย ซึ่งข้อควรทราบในการแปลเอกสารสำหรับ Work and Holiday Visa มีดังนี้ครับ

            มีเอกสารอะไรที่ต้องแปลบ้าง?
             - เอกสารใดๆที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษต้องแปลไปทั้งหมดครับ

            ต้องให้ใครแปล แปลเองได้หรือเปล่า ต้องมีการรับรองหรือไม่?
             - สามารถแปลเอกสารเองได้ครับ ณ ปัจจุบันไม่ต้องให้กงศุล หรือร้านแปลรับรอง ที่สำคัญคือต้องแปลให้ถูกต้อง ซึ่งในตัวอย่างการแปลเอกสารหลายๆอย่างผมมีให้ในเวปแล้วครับ

            เซ็นรับรองการแปล อย่างไรบ้าง?
             - Certified Correct Translation Only / Certified Correct Translation

            ต้องแปะรูปเราเอง ไปในเอกสารที่แปลมั้ย เช่นรูปเราเองในบัตรประชาชน?
             - รูปถ่ายเราไม่ต้องแปะไปครับ ทำเป็นกรอบสี่เหลี่ยมและเขียนว่า Photo เหมือนในรูปตัวอย่างต่างๆได้เลยครับ

            ตรงลายเซ็นเจ้าหน้าที่ ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นด้วยมั้ย?
             - ตรงลายเซ็น เราเขียนว่า signed / signature ครับ ไม่ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นจริงๆแล้วครับ

            แปลเอกสารคุณแม่แล้วต้องให้คุณแม่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอีกมั้ย?
            - ไม่ต้องแล้วครับ สมมติมีเอกสารคุณแม่ เราจะยื่นไปเป็น สำเนา (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง โดยเจ้าของเอกสาร) และตัวแปล (เซ็นรับรองการแปล โดยคนแปล)

ตัวอย่างเอกสารการแปลเพิ่มเติม ดูได้ในนี้ครับ 
           Thaiwahclub Download
           ตัวอย่่างการแปลเอกสารราชการจากเวปกงศุล

การยื่นวีซ่าผ่านทาง VFS

  • เราสามารถยื่นวีซ่าได้ด้วยตัวเองที่ VFS ครับ (จริงๆสามารถยื่นทางไปรษณีย์ก็ได้ แต่ผมแนะนำว่ายื่นกับ VFS ไปเลย ตามเรื่องง่ายกว่าครับ)
  • การยื่นวีซ่ากับ VFS มีค่าธรรมเนียม 883 บาท  (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลัง 1/07/2017) 
  • ที่ตั้งศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศออสเตรเลีย อาคารเดอะเทรนดี้ ออฟฟิศ ชั้น 28 สุขุมวิท ซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
  • แผนที่ตั้ง
  • เวลาทำการ : 8.30 น. – 16.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดของสถานทูตออสเตรเลีย
  • คลิกเพื่อตรวจสอบวันหยุดของ VFS
  • เวลายื่นใบสมัคร : 8.30 น. – 15.00 น.
  • เวลารับผล : 10.00 น.- 16.30 น.
  • สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถาม VFS ได้โดยตรงที่  021187100 โทรได้ระหว่างเวลา 08.30 ถึง 16.30 จันทร์ถึงศุกร์ยกเว้นวันหยุดสถานทูตหรือสอบถามทางอีเมลล์ได้ที่ E-mail at: info.dibpth@vfshelpline.com

การตรวจสุขภาพ

  • ปกติเราจะยื่นวีซ่าไปและรอให้สถานทูตส่งอีเมลมาเรียกเราไปตรวจสุขภาพครับ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าเรากรอกเมลไม่ผิดและเชคอีเมลอยู่เสมอหลังจากยื่นวีซ่า ไปแล้ว การตรวจสุขภาพอาจจะตรวจแค่ Chest Xray หรือมากกว่านั้นอยู่ที่ทางสถานทูตจะแจ้งมาครับ
  • อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลีย รู้จักกับ eHealth (ตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลีย)
  • โรงพยาบาลที่สามารถไปตรวจสุขภาพได้ (Australia)
    สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่เราสามารถไปตรวจสุขภาพได้จากเวปอิมมิเกรชันตามลิงค์นี้ครับ
    Panel Physicians Thailand (คลิกตรง Panel Physician)

กำหนดการเดินทางหลังได้รับวีซ่าแล้ว

เมื่อได้รับวีซ่าแล้วทางสถานทูตกำหนดไว้ว่าเราจะต้องเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียภายใน 1 ปี และหลังจากเข้าประเทศออสเตรเลียไปแล้ว เราสามารถอยู่ต่อได้อีก 1 ปีครับ เช่น วีซ่่าผ่าน 10 Aug 2017 , เราเข้าประเทศออสเตรเลียได้ไม่เกิน 10 Aug 2018 และสมมติเราเข้าประเทศเค้าในวันที่ 1 Aug 2018 เราจะอยู่ในออสเตรเลียได้ถึง 1 Aug 2019 ครับ 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : 
การเข้าประเทศเราจะอายุเกิน 31 ไปแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ (คือได้วีซ่าแล้วเดินทางหลังอายุเกินไม่เป็นไร แต่ตอนยื่นวีซ่าอายุจะต้องยังไม่ 31) 
การเข้าออกประเทศออสเตรเลีย ถึงเเม้จะมีเวลา 1 ปีเป๊ะๆมาให้ แต่ก็แนะนำให้เข้าออกก่อนกำหนดนิดหน่อยป้องกันการดีเลย์ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆครับ
วีซ่าออสเตรเลียจะเป็น evisa ดังนั้นจะไม่มี label แปะมาด้วยไม่ต้องตกใจสามารถเข้าประเทศได้ด้วย passport เพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้พกใบ visa grant letter ติดตัวไปด้วยตอนเข้าประเทศครับ (และเผื่อใช้ในการหางานด้วย)
แสกนหลักฐานสำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็น visa grant letter , passport , IELTS ไว้และส่งเข้า email เก็บใน flashdrive ไว้ด้วยกันเหตุฉุกเฉินครับ

อ่านเพิ่มเติม : Australian Visa : E-visa

ยังไงขอให้โชคดีทุกคนครับ :)