ขั้นตอนการสมัคร WAH 2014 (Online)
Admin ( date 27.06.2014 )

 

ขั้นตอนการสมัคร WAH 2014(Online) : Updated 26/05/2014

 

กำหนดการ

Work and Holiday Australia 2014

สท.เปิดรับจำนวน 600 คนซึ่งมากกว่าโควต้าของ Work and Holiday Australia ของทางสถานทูตอยู่ 100 คน (Quota ของสถานทูตออส = 500)


โดยกติกาปีนี้จะแตกต่างกันกับปีก่อนๆเล็กน้อยคือ จะแบ่งโควต้าออกเป็นสองส่วน
สำหรับออสเตรเลีย จะแบ่งดังนี้ครับ

1) 500 คนแรก หรือผู้ได้ลำดับที่ 1 ถึง 500 จะมีสิทธิ์นำใบรับรองไปยื่นขอวีซ่าได้ทันที แต่จะต้องยื่นวีซ่าภายใน 6 เดือนภายหลังได้รับใบรับรองจากสท.
2) ลำดับที่ 501 ถึง 600 จะยังไม่มีสิทธิ์ยื่นทันที - พูดง่ายๆ ว่าเหมือนเป็นโควต้าสำรอง

หากครบกำหนด 6 เดือนแล้ว 500 คนแรกนี้ไม่ไปยื่น ใบรับรองเหล่านั้นก็จะหมดอายุไป
และ หากโควต้ายังไม่เต็ม 500 คน ทางสท.ก็จะคุยกับสถานทูตและประกาศให้ผู้มีมีใบรับรอง (ฉบับที่ 501 ถึง 600) ไปใช้สิทธิ์ยื่นวีซ่าของตัวเองได้

 

จำนวนที่มากกว่านี้ผมว่าจะไม่ส่งผลอะไรมากครับ เพราะจากผู้สมัครทางออนไลน์ 550 คนนี่ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะผ่านขั้นตอนการตรวจเอกสาร และสัมภาษณ์กันครบทุกคน

(ต้องมีคนที่ไม่ทราบว่าต้องมีเอกสารและจองไป และต้องมีคนที่จองๆไปก่อนเผื่อเค้าใจดีให้ผ่าน แต่สท.จะไม่ให้จริงๆสำหรับการณีเอกสารไม่ครบครับ)

การสมัครออนไลน์จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2014
โดย สท.จะเปิดให้สมัครออนไลน์ในวันที่ 1 กค. 2014 เวลา 9.00น. โดยจะปิดรับทันทีที่ได้ผู้สมัครครบ 600 คนสำหรับ Australia และ 130 คนสำหรับ New Zealand ครับ

การสัมภาษณ์กับสท.
ผู้ที่จองคิวสัมภาษณ์ 600 คนแรกของออสเตรเลีย และ 130 คนของนิวซีแลนด์ทันจะต้องเข้าสัมภาษณ์กับสท.ในวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2014 (เสาร์- อาทิตย์)
ผู้ที่จองคิวได้ต้องไปยื่นเอกสารและสัมภาษณ์ด้วยตัวเองนะครับ

การรับใบรับรองจากสท.
หลังจากผ่านการสัมภาษณ์และตรวจเชคเอกสารแล้ว ในช่วงประมาณ 25 กค. 2014 ครับ

การไปรับใบรับรองนี่สามารถเซ็นใบมอบอำนาจให้คนอื่นไปรับแทนได้ครับ

การขอวีซ่า
สามารถขอได้เลยหลังจากได้รับใบรับรองเลย เพราะสถานทูตออสเตรเลียเริ่มนับโควต้าใหม่ทุกวันที 1 กค. ของทุกปี
** อย่างไรก็ตาม การได้รับใบรับรองไม่ได้แปลว่าได้วีซ่านะครับ** อ่านเพิ่มเติม เหตุผลที่ "ได้ใบรับรอง" ไม่เท่ากับ "ได้วีซ่า"

 

 

Working Holiday Scheme New Zealand

ทางของ New Zealand สท.เปิดรับอีก 130 คน (Quota ของสถานทูตนิวซีแลนด์ = 100)

สำหรับนิวซีแลนด์โควต้าจะแบ่งเป็นสองส่วนเช่นกัน ดังนี้ครับ

1) 100 คนแรก หรือผู้ได้ลำดับที่ 1 ถึง 100 จะมีสิทธิ์นำใบรับรองไปยื่นขอวีซ่าได้ทันที แต่จะต้องยื่นวีซ่าภายใน 6 เดือนภายหลังได้รับใบรับรองจากสท.
2) ลำดับที่ 101 ถึง 130 จะเป็นเหมือนโควต้าสำรองยังไม่มีสิทธิ์ยื่นทันที

หากครบกำหนด 6 เดือนแล้ว 100 คนแรกนี้ไม่ไปยื่น ใบรับรองเหล่านั้นก็จะหมดอายุไป
และ หากโควต้ายังไม่เต็ม 100 คน ทางสท.ก็จะคุยกับสถานทูตและประกาศให้ผู้มีมีใบรับรอง (ฉบับที่ 101 ถึง 130) ไปใช้สิทธิ์ยื่นวีซ่าของตัวเองได้

**ทั้งนี้เราไม่สามารถขอใบรับรองสำหรับทั้งสองประเทศพร้อมกันในปีเดียว ได้ครับ ถ้าใครทำแล้วสท.เค้าตรวจเจอจะถูกตัดสิทธิ์ทั้งสองโครงการไปเลยครับ ดังนั้นต้องตัดสินใจให้ดีๆก่อนสมัครครับว่าจะไปไหน**


การยื่นวีซ่า
สถานทูตนิวซีแลนด์กำหนดให้เริ่มยิ่นวีซ่าได้ตั้งแต่วันที่ 16 กค. ครับ บางคนก็ยื่นวีซ่าไปแล้วก่อนล่วงหน้า ซึ่งต้องส่งเอกสารตามไปทีหลังในกรณีขอใบสท.ได้ครับ


หลักฐานที่ต้องเตรียม
สำหรับทั้งสองโครงการจะมีหลักฐานหลักๆสองอย่างที่จะต้องแสกนไปด้วยได้แก่

1) ภาพถ่ายขนาด 1 นิ้ว :
เนื่องจากในรอบสัมภาษณ์กับสท. กำหนดไว้ให้ใช้รูปถ่าย 1 นิ้วดังนั้นภาพที่กำหนดไว้ตรงนี้จะเป็นภาพ 1 นิ้วไปด้วย
สำหรับผู้ที่มีรูปถ่ายสองนิ้วใช้ได้เหมือนกันระบบจะจัดการให้เองครับ (คือสรุปว่านำรูปถ่ายติดบัตรมาแสกน)

ข้อแนะนำ
แสกนรูปถ่ายไว้ในรูปแบบ jpg ใครแสกนรูปภาพมาแล้วได้ไฟล์ใหญ่ลองใช้ Photoshop resize ดูนะครับ สำหรับ รูปถ่ายนี่จะมีโปรแกรมช่วยอีกตัวชื่อ Easy Thumbnail ดาวน์โหลดฟรี ที่นี่ ครับ

2) ผลภาษาอังกฤษ :

สิ่งที่สำคัญที่ต้องแนบไปด้วยอีกอย่างก็คือ ผลภาษาอังกฤษ อย่างใดอย่างนึง ในรายการต่อไปนี้ครับ
- ผล IELTS 4.5
- ปล TOEFL 133 สำหรับ computer based, หรือ 450 สำหรับ paper based test or หรือ 45-46 สำหรับ internet-based test (Australia Only)
**ผลเหล่านี้ต้องอายุไม่เกิน 2 ปี ทั้งตอนยื่นกับสท. และยื่นกับสถานทูตนะครับ**
***สำหรับปี 2013 สถานทูตนิวซีแลนด์ ประกาศไม่รับ TOEFL แล้วครับ***

-
หลักฐานการเรียนระดับ Post secondary school (ปริญญาตรีและ dioloma ได้ครับ) ที่มีระยะเวลาของคอร์สเรียนไม่ต่ำกว่าสองปี (ในกรณีเรียนในไทย) โดยโปรแกรมที่เรียนจะต้องมีการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (เอกภาษาอังกฤษ แต่โปรแกรมภาษาไทย ไม่ได้นะครับ) หรือใบที่จบระดับ Diploma ขึ้นไปในออสเตรเลียครับ
คลิกเพื่อดูตัวอย่างใบรับรองว่าเรียน English Program อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลักฐานทางด้านภาษา

**ประเภทของไฟล์ภาพที่จะอัพโหลดควรจะต้องเป็น jpeg ครับ**
[ในเอกสารของทางสท.บอกว่า เป็น jpeg/png หรือ gif ครับ แต่เทียบกับ jpeg แล้ว png หรือ gif จะมีขนาดใหญ่กว่าดังนั้นใช้ jpeg ก็ง่ายดีครับ]

เมื่อทราบกำหนดการและเอกสารที่ต้องเตรียมแล้ว เรามาดูกันว่าต้องกรอกข้อมูลอะไรกันบ้างที่ไหน อย่างไรครับ :)

 

การสมัครและการกรอกข้อมูล

1. เข้าเวปไซต์ สท. หรือ Direct Link

2. คลิก "โครงการความร่วมมือระหว่างไทย - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ (Work and Holiday Visas & Working Holiday Scheme)

3. เวปไซต์จะพาเรามาหน้านี้ครับ (ถ้าคลิกDirect Link ก็จะพามาที่นี่เลยเช่นกัน)

 

 

 

4. จากนั้นให้กด "คลิกที่นี่" ดังภาพ(ด้านบน) แล้วระบบจะพาเราไปยังหน้าถัดไป ซึ่งจะมีชื่อโครงการให้เลือกว่าจะสมัคร Work and Holiday Australia

หรือ Working Holiday New Zealand ดังภาพด้านล่างครับ

5. เมื่อเราคลิกสมัครไปแล้วหน้าจอต่อไปจะให้เรากรอกหมายเลขบัตรประชาชน

ในการกรอกหมายเลขบัตร จะต้องกรอกให้ถูกเป๊ะ ถ้าพลาดระบบจะเตือนมา และเราต้องกรอกใหม่ซึ่งจะเป็นการเสียเวลาดังนั้นพยายามกรอกให้ถูกๆแต่ต้นไป เลยดีกว่า

6. เมื่อกรอกถูกต้องระบบจะพาเราไปยังหน้า ยอมรับข้อตกลง ให้ติ๊กเลือก "ยอมรับข้อตกลง" และคลิก "ยืนยัน" ครับ

7. เมื่อยอมรับข้อตกลงกันเสร็จแล้ว เราจะสามารถเริ่มกรอกข้อมูลได้เลยครับ

รายละเอียดที่ต้องกรอกในหน้านี้ครับ:

**เวลากรอกดูดีๆ ว่าตัวไหนจำเป็นต้องกรอก จะมีดอกจันทร์อยู่ครับ (ตามรูปนะครับ ไม่ใช่ตามลิสต์ด้านล่าง)**


รายละเอียดส่วนตัว
1) รูป : Browse แล้วเลือกรูปไว้ก่อนเลยจะได้ไม่ลืมครับ
2) คำนำหน้าชื่อภาษาไทย
3) ชื่อ และ นามสกุล
4) คำนำหน้าภษาอังกฤษ
5) ชื่อ และนามสกุลภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่่
6) เพศ
7) เชื้อชาติ
8) สัญชาติ
9) ศาสนา
10) วันเดือนปีเกิด : ให้ระบุเป็น ddmmyyyy ใบรูปแบบพศ. เช่นเกิด 11 มีค. 2530 ก็เป็น 11032530
11) อายุ : คำนวนไว้เลยตอนก่อนกรอกเลยก็ได้ว่าตอนนี้กี่ขวบกับอีกกี่เดือนแล้ว
12) สภานภาพ


ที่อยู่ปัจจุบัน (ที่ๆอยู่จริงๆ)
13) เลขที่
14) หมู่ที่
15) สถานที่ : หมายถึงชื่อตึก ชื่ออพาร์ทเมนท์
16) ตรอก/ซอย
** สำหรับ ตำบล อำเภอ จังหวัด ให้พิมพ์ตำบลอย่างเดียว แล้วระบบจะเลือก อำเภอและจังหวัดมาให้เอง : ถ้าพิมพ์เองไปจะใช้ไม่ได้ครับ ต้องให้ระบบเลือก**

17) ตำบล/แขวง**
18) อำเภอ/เขต**
19) จังหวัด **
20) รหัสไปรษณีย์
21) โทรศัพท์บ้าน
22) โทรศัพท์มือถือ
23) โทรสาร
24) email


รายละเอียดเบื้องต้น (การศึกษา/อาชีพ)
อาชีพ

25) อาชีพ
26) ตำแหน่ง
27) สถานที่ทำงาน
28) โทรศํพท์
29) โทรสาร
30) ระยะเวลาการทำงาน
การศึกษาสูงสูด
31) สถาบัน
32) วุฒิ : มี drop down list ให้เลือก
33) สาขา

34. ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ : เลือกอย่างใดอย่างนึง ระหว่าง

- ผลการทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ (IELTS/TOEFL: โดยมี ผลคะแนน/วันที่ผลออก/วันหมดอายุ เตรียมไว้ให้พร้อม : format วันแบบเดิม ;11 ธค. 2553 = 11122553)
- หลักฐานทางการศึกษา : เลือกประเภทหลักฐานและอย่าลืมแบนไฟล์นะครับ

35. บุคคลที่ติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน :กรอกเลขที่บัตรประชาชน คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์ รายละเอียด ช่องทางติดต่อ

รายละเอียดเกี่ยวกับบิดามารดา
36. ข้อมูลบิดา : เลชที่บัตรประชาชน คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล อายุ อาชีพ สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง ช่องทางต่ิดต่อ
37. ข้อมูลมารดา : เลชที่บัตรประชาชน คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล อายุ อาชีพ สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง ช่องทางต่ิดต่อ

บุคคล/หน่วยงานที่ท่านรู้จักในประเทศที่ท่าจะไป (ถ้ามี)
38. ถ้าไม่มีก็เว้นว่างไว้ ถ้ามีและคิดว่าเค้าจะเป็น reference ให้เราได้ถึงค่อยใส่ไป
39. แผนการเดินทาง เขียน ประมาณ 1 หน้ากระดาษเอสี่ครับ ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ไหนๆก็จะต้องเขียนภาษาอังกฤษให้สถานทูตแล้ว เขียนไว้เลยก็ดี แต่ถ้าใครเขียนอังกฤษไม่ทัน สท. ไม่ว่าอะไรกับเวอร์ชันภาษาไทยครับ

อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่าผมคิดว่าการนำตัวอย่างแผนการเดินทางมาแปะไว้ ให้เลยอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีเพราะอาจจะมีบางคนที่ก้อปไปใช้เลยโดยไม่ เปลี่ยนรายละเอียด ถ้าส่งกันไปแบบนั้นเลยจะไม่ส่งผลดีแน่ๆ ครับ

 

หน้าสุดท้ายที่ต้องกรอกข้อมูลแล้ว อีกนิดเดียวว :)

บันทึกข้อตกลง

40. เขียนที่ : ชื่อสถานที่

41. วันเดือนปีที่เขียน เช่น 04-07-2554 ข้อมูลตรงนี้ถ้าชื่อคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นผู้ปกครองด้วยก็จะสบายไป แค่ติ๊ก "เหมือนข้อมูลบิดา" หรือ "เหมือนข้อมูลมารดา" และ "เหมือนที่อยู่่ปัจจุบัน" เท่านั้นก็เสร็จแล้ว ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกรอกตรงนี้เป็นใบบันทุึกข้อตกลง ครับ

42. วันที่ตรวจสอบเอกสารและวันสัมภาษณ์ มี drop down list ให้เลือกจาก วันที่มีสัมภาษณ์ของทั้งสองโครงการในกรณีวันที่มีคนจองเต็มแล้วจะเลือกไม่ ได้ครับ

43. หลักฐานประกอบการสมัคร เราจะนำอะไรไปบ้างให้เลือกไปด้วยเลยจากในลิสต์ในภาพครับ

- IELTS/TOEFL หรือผลการเรียนก็เลือกเอาอย่างใดอย่างนึงครับ
- หลักฐานการเงินของออส 5000 AUD ของนิว 7000 NZD ครับ
- แล้วก็สรุปกันว่า TOEIC ใช้ไม่ได้แล้ว แต่ในนี้ยังมีอยู่ก็ไม่ต้องไปคลิกนะครับ


เมื่อกรอกข้อมูลและตรวจสอบเสร็จแล้ว ให้คลิก "บันทึกข้อมูล" ก็เป็นอันเสร็จครับ ระบบจะพาเรามาหน้านี้ เพื่อแสดงรายละเอียดและบอกว่าเราได้ลำดับที่เท่าไหร่ โดยคอนเฟิร์มถึงรายละเอียดวันสัมภาษณ์ที่ได้กรอกไปด้วย

เราสามารถเลือกปรินต์ทั้งใบสมัคร และ ใบบันทึกข้อตกลงที่กรอกไปก่อนหน้านี้มาได้เลยจากหน้านี้เช่นกันครับ :)

สำหรับผู้ที่ยังไม่สะดวกปรินต์ให้เซฟไฟล์เก็บเอาไว้ได้ครับ

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเรายังเข้ามาเชคสถานะเราได้เสมอครับ โดยการเข้ามาที่หน้าเดิมแล้วใช้เลขบัตรประชาชน เป็นตัวลอกอิน และจะสามารถเข้ามาเชคได้ดังนี้ครับ

ขั้นตอนคร่าวๆ ไม่ยากอะไรครับ ที่ยากคือจองให้ทันกันนี่แหละ

ยังไงทุกคนสู้ๆ ครับ :)

   ความคิดเห็นที่ 1

พี่คะ ส่วนของข้อมูลบิดามารดา และบันทึกข้อตกลงนี่ปล่อยว่างไปเลยได้ใช่มั้ยคะ เพราะมันไม่มี *

หรือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องกรอกคะ แล้วกรอกเฉพาะบิดาหรือมารดาได้มั้ยคะ

ขอบคุณค่ะ

brownie
( date 25.06.2014 )     49.49.36.61
   ความคิดเห็นที่ 2

@brownie : ไม่มีดอกจัน ไม่กรอกก็ได้ครับ (แล้วไปกรอกที่สท.ทีหลัง)

Game Busaracumwong
( date 27.06.2014 )     171.96.243.59
   ความคิดเห็นที่ 3

จบ ปริญญาโทโปรแกรมภาษาอังกฤษ หลักสูตร 2 ปี สามารถนำมายื่นแทน IELTSได้ไหมค๊ะ

amornrat
( date 21.12.2014 )     14.207.127.90
   ความคิดเห็นที่ 4

@amornratไดัครับ

Game Busaracumwong
( date 13.01.2015 )     110.168.229.46
   ความคิดเห็นที่ 6

จบ ABAC ต้องใช้หนังสือรับรองไหมคะ หรือใช้ใบปริญญาได้เลย


( date 5.04.2015 )     103.10.197.212
1

- ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์
- โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย หมิ่นประมาท หรือสร้างความแตกแยกในสังคม
- ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม
- ไม่อนุญาตให้โฆษณาขายสินค้าหรือเผยแพร่ธุรกิจจำพวกธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM
- ทุกความคิดเห็นและการตั้งกระทู้ถูกส่งขึ้นระบบ Webboard โดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่งทางเว็บไซต์มิได้มีส่วนตรวจสอบหรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น
  ดังนั้น ความคิดเห็นของสมาชิกจึงไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้
- ทีมงานเว็บมาสเตอร์ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น