ข่าวสาร >
2017
November
16
สัมภาษณ์ Jay - Pafan JULSAKSRISAKUL นักเรียนทุน Endeavour 2018
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 8577 คน )



Thaiwahclub : สวัสดีครับ แนะนำตัวเองหน่อยครับ

 

สวัสดีค่ะ ชื่อ เจ นะคะ จบจาก บัญชี จุฬาฯ (BBA Chula) แล้วไปต่อโทที่ญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยเคโอ โดยไปด้วยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (Monbukagakusho:MEXT) ไปเรียนด้าน Media Design

 

Thaiwahclub : เป็นนักเรียนทุนอยู่แล้ว ภาษาอังกฤษน่าจะดีอยู่แล้ว เราพัฒนาภาษายังไงบ้างครับ

 

เจได้ทุนรัฐบาลสิงคโปร์ (Merit Award) ไปเรียนระดับ secondary school ที่สิงคโปร์ตอนม.3-4 แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย (ยิ้ม)  ไม่ได้เรียน ม.ปลายเหมือนคนอื่น
เรียกว่าโชคดีที่ได้เรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยไม่มีปัญหาเรื่องภาษาเท่าไร แต่ก็ยังต้องฝึกฝนเรื่อยๆนะคะ
เพราะถ้าไม่ได้ใช้เลยมันก็จะหายไปเหมือนกัน ก็ดูหนังฝรั่งโดยไม่มีซับ และอ่านนิยายภาษาอังกฤษเยอะๆค่ะ 
ขอบอกเลยว่า เวลาจะฝึกอะไร ต้องหาสิ่งที่เราชอบมันจะทำได้นาน มันจะได้ผลในระยะยาวมากกว่า
อีกอย่างหนึ่งคือ เวลาเจอศัพท์ที่ไม่เข้าใจ เจจะพยายามหาความหมายทันที ไม่เคยปล่อยผ่านเลยค่ะ

Thaiwahclub : แล้ว
เกรดตอนปริญญาตรี ปริญญาโทที่ได้ทุนไป เป็นยังไงบ้าง

ปริญญาตรี ได้ 3.63 ค่ะ
ส่วนปริญญาโท เจจำเกรดไม่ได้ น่าจะได้เอหมด ได้บีมา 1 ตัวค่ะ 

 

Thaiwahclub :เจรู้จักทุนรัฐบาลออสเตรเลีย Endeavour Scholarships and Fellowships จากที่ไหนเหรอครับ?

เอาจริงๆ ก็เสิร์ชหาเองจากอินเตอร์เน็ตค่ะ (หัวเราะ)

 

Thaiwahclub : ได้ทุนรอบนี้ไปเรียนอะไร ที่ไหน ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้

ไปเรียน product design ค่ะ ที่ Tafe Hunter จริงๆเจเลือกไปเรียนที่ Enmore Design Center แต่ปีที่จะไปรู้สึกว่าคอร์สนี้จะไม่เปิดที่แคมปัสนี้ 

 

ที่เลือกเพราะเจชอบงานด้านดีไซน์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งด้าน product และ visual ค่ะ แต่  product จะเชื่อมกับที่เรียนตอน ป.โท มากกว่า แต่ติดตรงที่ ป.โท ที่เรียนจะเน้นทำธีสิส ไม่ค่อยได้ลงมือทำค่ะ เลยเลือกสอบทุน VET ไปเรียน diploma เพราะจะได้เน้นการลงมือทำจริงๆ

 

Thaiwahclub : เคยสมัคร Endeavour มารอบนึงแล้ว  ตอนที่รู้ว่าไม่ได้ เราคิดว่าเราจะสมัครต่อเลยมั้ยปีหน้า เพราะอะไร

ตอนแรกก็ว่าจะไม่สมัครแล้วเหมือนกันค่ะเพราะอายุแอบเยอะ แต่สุดท้ายมันค้างคาใจ แล้วใจจริงก็อยากไปเรียนและทำงานด้านดีไซน์จริงๆ เลยตัดสินใจลองสมัครอีกรอบค่ะ ถ้าปีนี้ไม่ได้ก็คงไม่สมัครแล้วเหมือนกันค่ะ

 

Thaiwahclub : เตรียมตัวแตกต่างกันยังไงบ้างมั้ยสองรอบ?

ต่างค่ะ รอบสองเตรียมตัวน้อยลงเยอะ (หัวเราะ) เหมือนเราเข้าใจทุนนี้เยอะขึ้น เขียนง่ายขึ้นเยอะ เอกสารก็ใช้ของเดิมได้ สมัครรอบที่สองนี่ชิวขี้นเยอะค่ะ 

 

Thaiwahclub : สิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัจจัยที่ยากในการขอทุนนี้?

การเข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไรจากการขอทุนไปเรียนจริงๆ เจใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองนานมาก มันส่งผลไปถึงการเขียน SOP ขอทุนนะคะ เราต้องเคลียร์ตัวเราก่อนว่าเราอยากไปเพราะอะไร เรามองตัวเราในอนาคตยังไง ทุกอย่างต้องชัดเจนและเชื่อมโยงกัน เจว่าอันนี้สำคัญมาก เจใช้เวลากับตรงนี้เยอะมากก่อนจะเริ่มเขียน SOP 

 

แต่ขอเล่าหน่อย คือ เจตั้งเป้ามาตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรีแล้วว่าถ้าเจจะต่อปริญญาโท คงหาเงินไม่ก็สอบทุนไปเอง เพราะไม่อยากให้พ่อแม่จ่ายเงินเป็นล้าน
ตอนนั้นเลยศึกษาเรื่องทุนเยอะมาก และหลายๆทุนเหมือนกันคือ การเรียนต้องดี มันจะช่วยให้การสมัครทุนง่ายขึ้นเยอะ
เลยวางแผนตั้งแต่ปี1เลยว่า ยังไงก็ต้องได้เกียรตินิยมอันดับ 1
แต่เราไม่ใช่คนเก่งขนาดนั้นเลยวางแผนไว้ว่าจะทำเกรดตอนปี 1-2 ให้ได้มากที่สุดเพราะ ปีแรกๆของการเรียนมหาวิทยาลัยจะทำเกรดได้ง่ายกว่าปีสูงๆ

พอปี 3-4 เจไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เกรดเละมาก (หัวเราะ) แต่ก็ยังจบมาได้ตามแผนที่ตั้งไว้ค่ะ 

 

 

Thaiwahclub : มีทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยอะไรบ้างมั้ยครับ

ก็ทำเยอะนะคะ ทำทั้งกิจกรรมสนุกๆอย่าง บ้านรับน้อง หรือ เข้าชมรมร้องเพลงประสานเสียง และกิจกรรมวิชาการ เช่น ประกวดแข่งขันต่างๆ 

 

 

Thaiwahclub : มีทำกิจกรรมอาสาหรือร่วมโครงการเยาวชนอะไรบ้างมั้ยครับ?

เอาจริงๆนะ ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอาสาเลยค่ะ เจไม่ค่อยชอบงานอาสาเท่าไร เคยไปเข้าค่ายแล้วก็ไม่ค่อยตรงใจค่ะ
แต่ตอนจบออกมารู้สึกว่ามันน่าจะเป็นอีกปัจจัยนึงในการขอทุน แล้วจริงๆมันดีต่อตัวเองด้วยถ้าเราสามารถเปิดใจได้
พอจบมาสักปีสองปี ก็ลองไปทำ social enterprise อยู่พักใหญ่ค่ะ
และก็ไปสมัครโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ซึ่งได้อะไรกลับมาเยอะมากเหมือนกัน 

 

 

Thaiwahclub : เราคิดว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เราได้ทุน 

เกรด กิจกรรม และรางวัลที่เคยได้

Essay - การเขียนให้ทางทุนเห็นว่า การให้ทุนเรา จะไม่เป็นการเสียเปล่าและเค้าจะได้อะไรกลับมาบ้าง
ดังนั้นเราต้องเขียนให้เค้าเห็นศักยภาพของเรา ความมุ่งมั่น และเป้าหมายและแผนการที่ชัดเจน

referees report - เจคิดว่าสำคัญมากเหมือนกัน มหาวิทยาลัยและทุนต่างประเทศให้ความสำคัญกับจดหมายรับรองมาก
ยิ่งเป็นคนที่มี credibility สูง โอกาสที่จะได้ก็สูงขึ้น ของเจให้ อาจารย์มหาวิทยาลัยในสายดีไซน์เและหัวหน้างานเก่าของเจ ตำแหน่ง director รับรองให้ค่ะ

 

 

Thaiwahclub : เจมีได้คุยกับ network ของ Endeavour บ้างทางออนไลน์ (พี่เอง 555)
ตรงนี้เราว่าเป็นยังไง อยากให้คนตั้งใจขอทุนและมี potential มาได้ปรึกษากับรุ่นพี่ และปรึกษากันเองด้วยมั้ยครับ

 

หลักๆก็พี่เกมส์นี่แหละค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งช่วยให้เข้าใจเรื่องการสมัครทุนได้เยอะขึ้นมากกกกกก
ข้อมูลที่หาในเน็ตไม่ได้ก็ได้มาจากพี่เกมส์นี่แหละค่ะ
แล้วก็มีพี่อีกคนที่มาจากสาย art และเคยได้ทุนนี้เหมือนกัน
ซึ่งจะได้ข้อมูลในสายการเรียนของเราโดยตรง 

 

เจคิดว่าสำคัญมากนะคะ ยิ่งเราได้ข้อมูลจากรุ่นพี่เยอะจะทำให้เราเข้าใจทุนนี้มากขึ้น
ซึ่งส่งผลต่อการเลือกมหาวิทยาลัยและการเขียนสมัครทุน
เพราะทำให้เรารู้แนวทางในการเขียนมากขึ้น
ถ้าจะขอทุน เจว่าการคุยกับรุ่นพี่เป็นอะไรที่สำคัญมากเลยค่ะ 

 

อีกเรื่องคือ เจได้เข้ากรุ๊ปไลน์สำหรับคนที่จะขอทุน Endeavour ซึ่งตั้งโดยพี่เกมส์
อันนี้ก็ช่วยมากเหมือนกัน เอาไว้ปรึกษากันเรื่องเอกสาร
เพราะคอนดิชั่นของแต่ละคนก็ต่างกัน
บางครั้งการที่สามารถปรึกษาเพื่อนที่เจอปัญหาอย่างเดียวกันตอนขอทุน
สามารถทำให้เราแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นค่ะ

 

Thaiwahclub : ฝากอะไรถึงน้องๆที่เตรียมตัวขอทุนนี้หน่อยครับ

อย่าทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ถ้าจะทำก็ทำให้สุดไปเลย เช่น เขียน SOP ก็ให้เวลากับมันสุดๆ อ่านทวนหลายๆรอบ ให้คนอื่นอ่านด้วย ให้มันออกมาดีที่สุด หรือ สอบ IELTS ก็พยายามอ่านและฝึกฝนให้ได้คะแนนดีที่สุด อย่าคิดว่า เอาแค่นี้ละกัน เหนื่อยแล้ว... สู้ๆนะคะ