ข่าวสาร >
2019
February
26
ขั้นตอนการยื่นวีซ่า Work and Holiday Australia 2018
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 77195 คน )


 

หลักฐานการยื่นวีซ่า Work and Holiday

Work and Holiday Application Checklist 
ใช้ใบนี้แปะหน้าเอกสารอื่นๆ ที่เราจะยื่นกับทาง VFS เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจเชคเอกสารได้ง่าย และสะดวกกับเราเองด้วยที่จะตรวจว่าเอกสารครบหรือไม่ครับ
Checklist จากเวปสถานทูต
Checklist พร้อมคำอธิบายจาก Thaiwahclub & Beyond Study

1. แบบฟอร์ม 1208 (Work and Holiday Visa) ทีกรอกเรียบร้อยแล้ว 
ดาวน์โหลดฟอร์มเวอร์ชันล่าสุดได้จากเว็บ  https://www.border.gov.au/ หรือจากลิงค์นี้ Form 1208
และสามารถดูรายละเอียดการกรอกแบบคร่าวๆได้ที่นี่ครับ ตัวอย่างกรอกฟอร์ม 1208
**Version แบบฟอร์มอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังวันที่ 1 July 2018**

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอกฟอร์ม 1208 :

  • กรอกหรือพิมพ์จาก pdf ก็ได้ แต่พิมพ์จะดีกว่า เพราะจะอ่านง่ายและจะได้ไม่มีการเข้าใจผิดในข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการสะกด หรือลายมือของแต่ละคนครับ
  • ไม่จำเป็นต้องพิมพ์หรือกรอกเป็น Capital Letters ทั้งหมด - ที่เค้าบอกว่าให้เป็น block letters เพราะจะให้อ่านง่ายหากใช้มือกรอกครับ ดังนั้นจึงแนะนำให้เขียนแบบ block letters ไปเลย ( THAIWAHCLUB แทนที่จะเป็น Thaiwahclub เป็นต้นครับ)
  • ใช้ปากกาดำหรือน้ำเงินก็ได้ 
  • Copy ฟอร์มที่เรากรอกเก็บไว้ด้วยเพื่อใช้เป็น reference

2. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 11,950 บาท และ ค่ายื่นใบสมัครพร้อมทำไบโอเมตทริกซ์ 896 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลัง 1 July 2018)
หรือตรวจสอบค่าวีซ่าล่าสุดได้ที่เวป VFS โดยเราสามารถชำระเป็นเงินสดได้ที่ VFS เลยครับทั้งในส่วนค่าวีซ่า ค่าธรรมเนียม และค่าบริการอื่นๆ

หรือสามารถชำระเป็น Cashier’s cheque หรือ Bank Draft ที่ซื้อจากธนาคารในกรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี หรือจ.สมุทรปราการ สั่งจ่าย “Australian Embassy Bangkok” [ ตรงนี้ห้ามสะกดผิดเลยะนะครับ ถ้าผิดจะต้องไปยื่น Bank Draft เข้าไปยื่นใหม่อีกรอบ และนำใบเก่ากลับไปเคลมเงินคืนเป็นที่วุ่นวาย ]
**Bank draft เองจะสะดวกดีในกรณีที่เราไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง เพราะจะได้ไม่ต้องให้คนอื่นถือเงินสดไปครับ**

3. หนังสือเดินทางตัวจริงพร้อมสำเนา (Passport) ที่มีอายุการใช้งานคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน และแนบสำเนาของหน้าที่เคยเดินทางไปที่อื่นไปด้วย

4. รูปถ่ายสีติดฟอร์ม 1208
- รูปถ่ายไม่เกิน6 เดือน
- ขนาด 4.5 x 3.5 ซม. จำนวน 2 รูป
- ภาพสี พื้นหลังเรียบ
- หน้าตรงและใบหน้าชัดเจน
เซ็นลายมือชื่อ (ตัวบรรจง) เราด้านหลังทั้งสองรูปด้วย **

5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัคร

6. สำเนาทะเบียนบ้านหรือสูติบัตร
ที่มีชื่อทั้งบิดาและมารดาของผุ้สมัคร (เลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง) : ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรนี่ยังไงก็เป็นภาษาไทยอยู่แล้วดังนั้นต้องแปลไปด้วยนะครับ 

**ตัวอย่างเอกสารการแปลเพิ่มเติม ดูได้ในนี้ครับ 
Thaiwahclub Download
ตัวอย่างการแปลเอกสารราชการจากเวปกงศุล 

7. ใบเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล
ในกรณีที่เราได้มีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลเราต้องแจ้งไว้ให้ทางสถานทูตทราบใน  Form 1208 และต้องแนบใบเปลี่ยนชื่อพร้อมใบแปลไปให้ทางสถานทูตด้วยครับ

8. หลักฐานการผ่านการเกณฑ์ทหาร
สำหรับผู้ชายจะมีหลักฐานที่บอกว่าผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วหรือเรียนรด.แล้วที่ ต้องยื่นไปด้วยครับแต่ละคนที่เรียนรด.มาแล้วจะได้ สด. 8 หรือ สด. 9  และคนที่ไม่เรียนแต่ผ่านการคัดเลือกทหารแล้วจะมีใบ สด. 43 ครับดูรายละเอียดการแปลของเอกสารทางการทหารได้จากด้านล่างครับ

9. หลักฐานการศึกษา
แนะนำว่าให้ยื่นไปทั้ง Transcript และใบรับรองจบ (สำเนา) ไปทั้งสองใบเลยครับในกรณีที่มหาวิทยาลัยไหนออกใบรับรองหรือ Transcript มาเป็นภาษาไทย แนะนำให้ไปขอเวอร์ชันภาษาอังกฤษจากทางมหาวิทยาลัยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ (เพราะถ้าเอกสารที่เป็นภาษาไทยจะส่งไป ก็ต้องมีเวอร์ชันแปลส่งไปด้วย และเอกสารอย่าง transcript นี่แปลค่อนข้างยากครับ)

10. หลักฐานการทำงาน 
เช่น จดหมายรับรองการทำงานก็เป็นหลักฐานที่ควรแนบไปด้วยครับเพราะแสดงให้เห็นถึงประวัติของเราว่าเราทำอะไรมาบ้าง อ้างอิงจากเวป VFS ว่ายื่นเป็นตัวจริง และแนบก้อปปี้ไปด้วยครับ

11. หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็น IELTS / TOEFL หรือผลการเรียนเป็นโปรแกรมภาษาอังกฤษ หรือ International Program

12. หลักฐานการสมรส

13. แผนการเดินทางโดยคร่าว ๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย 
เขียนแผนการเดินทางเป็น ภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 โดยประมาณเขียนคร่าวๆ ว่าเราจะไปทำอะไรบ้างที่ไหนยังไง อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับแผนการเดินทางได้ใน เขียนอะไรดีในแผนการเดินทาง

จากที่ได้ฟังบรรยายจากสถานทูตล่าสุด เค้าบอกว่าแผนการเดินทางไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ผมยังแนะนำให้มีอยู่ดีครับเพราะแผนการเดินทางจะทำหน้าที่เป็น Statement of purpose ที่บอกเป้าหมายของเราว่าเราเป็นใคร จะไปทำอะไรในประเทศเค้าได้ดีกว่าเอกสารอื่นๆ

14. หนังสือรับรองตัวจริงจากทาง ดย. (แนะนำว่าส่งก้อปปี้ไปด้วย และก้อปปี้เก็บไว้กับตัวเองด้วยครับ)

15. หลักฐานทางการเงิน
ผู้สมัครจะต้องแนบหลักฐานการเงินที่มีเงินอย่างน้อย 5,000 AUD โดยใช้เป็นสมุดบัญชีตัวจริงและสำเนาย้อนหลัง 6 เดือน โดยจะแนบ Bank Guarantee หรือ Bank Statement ไปด้วยก็ได้ครับ

  • ไม่แนะนำให้นำเงินออกจนมีเงินต่ำกว่า 5,000 AUD หลังจากขอ Bank Guarantee มาครับ
  • ใบรับรองทางการเงินหรือ Bank Guarantee ต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือน
  • ในกรณีไม่ได้อัพเดทสมุดบัญชีบ่อย เวลามาอัพเดทยอดจะรวมกันเป็นยอดเดียว แนะนำให้ข้อ Bank Statement แนบไปด้วย
  • ในกรณีมีหลักฐานการเงินของ sponsor ควรแนบสำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนไปด้วย
  • ตัวอย่าง Bank Guarantee [ แสดงยอดเงิน ณ วันนั้นๆ ]
  • ตัวอย่าง Bank Statement [ แสดง transactions ทั้งหมดในเวลาที่กำหนด รวมถึงยอดเงินเข้า-ออก และคงเหลือ]

คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานการเงินสำหรับการยื่นวีซ่า Work and Holiday Australia 
  - เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องหลักฐานการเงินเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นวีซ่า จึงอยากอธิบายตรงนี้เพิ่มเติมให้โดยละเอียด โดยแยกตามประเภทของหลักฐานดังนี้

1. สมุดบัญชีตัวจริง + สำเนาย้อนหลัง 6 เดือน หรือ Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน + สำเนา
ในการยื่นเอกสารกับทางสถานทูตออสเตรเลีย เอกสารที่แนะนำให้แนบไปด้วยเลยคือ Bank book ตัวจริงอัพเดทล่าสุด (แสดงให้เห็น transactions ย้อนหลัง 6 เดือน) และตัวสำเนา แต่ในกรณีที่ไม่สะดวกให้เล่มจริงอาจจะขอเป็น Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมแนบสำเนาไปด้วยครับ

**เงินไม่จำเป็นต้องค้างอยู่ 6 เดือนก็ได้ แต่ต้องมีที่มาชัดเจน คือมาจากคนที่น่าจะให้เราจริง ที่มีอาชีพชัดเจน และโอนให้แล้วเค้าก็ไม่เดือดร้อนครับ**

2. หลักฐานที่มาของเงิน : 
ทางสถานทูตจะดูว่าผู้สมัครมี transaction หรือการเข้าออกของเงินเป็นยังไงในช่วงหกเดือนล่าสุดก่อนยื่นวีซ่า หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา เราก็ควรที่จะสามารถอธิบายที่มาของเงินเหล่านั้นพร้อมแนบหลักฐานไปด้วยครับ (Evidence of source of sudden fund and explanation)

วิธีดูง่ายๆ ว่าเราควรจะต้องแนบหลักฐานหรือต้องอธิบายที่มาของเงินหรือไม่ก็คือ ดูว่าการเข้าออก และเงินที่คงอยู่โดยทั่วไปมีเท่าไหร่ เช่น ถ้าเรามีเงิน 2 แสนมาตั้งแต่ 6 เดือนก่อน และมีเงินเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยมียอดต่ำกว่า 2 แสนเลย แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร (แค่อาจจะเขียนอธิบายให้เข้าใจว่าเงินที่อยู่ในบัญชีมีที่มาจากที่ไหน เช่น เป็นเงินเก็บ) แต่หากว่า บัญชีที่เรามีเป็นบัญชีเงินหมุน เช่น  ยอดสูงและต่ำสุดระหว่าง 1-2 หมื่นบาท แต่ก่อนจะยื่นวีซ่ามีเงินโอนเข้ามาอีก 1.5 แสน โดยไม่ว่าจะโอนเข้ามาทีละ 5 หมื่นบาท 3 ก้อน หรือจะโอนมา 1.5 แสนทีเดียว เราก็จะต้องอธิบายให้ทางสถานทูตฟังได้ โดยมีหลักฐานที่เชื่อถือได้แนบไปด้วยครับ (คือการเข้าออกของเงินไม่เหมือนปกติก่อนหน้านี้)

ตัวอย่างสมุดบัญชีเงินฝากสำหรับยื่นวีซ่า

หลักฐานที่ควรแนบไปเพื่ออธิบายการเข้ามาของเงินก้อนใหญ่

2.1 จดหมายอธิบายจากคนที่โอนเงินให้ว่าเค้าโอนให้เราเพราะอะไร ทำไม เมื่อไหร่ยังไง จากบัญชีไหน ไปบัญชีไหน เค้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเรา
2.2 จดหมายอธิบายที่มาของเงินที่เราเขียนอธิบายเองว่า เงินในบัญชีเข้ามาจากที่ไหน ด้านล่างเป็นตัวอย่างจดหมาย Evidence of source of funds ของคุณ Punz Thestar นักเรียน IELTS รุ่นแรกสุดของผมครับ :)

Evidence of source of funds

BANK OF AYUDHYA
Name of Account Mr Punz
Account No. 15X-1-30760-X

My main income is from XX Company Limited that I have been working as a full time employee in position Marketing Officer since 18 May 2009 (X Bath) with transfers to my saving bank account (15X-1-30760-X) every month (day 28th). So I

27/07/11 Received bonus and salary amount 3X,070 Baht.
24/08/11 Received gift 13X,000 for Work and Holiday in Australia fromMr X, my older brother who is my guardian.

Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income by following;

- Savings account passbook (BANK OF AYUDHYA Account No. 15X-1-30760-X)                
- Employment letter.

If you would like any further information, please don't hesitate to contact me.

Yours faithfully,

Mr X

ตัวอย่างอีกฉบับจากน้องเล้ง ณ Sydney ครับ  [Leng-Leng Taecharattanawanit]

Evidence of Source of Funds
BANK OF xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
Name of Account Miss xxxxxxxxxxxxx
Account No. xxxxxx

My main income is from working for xxxxxxxxxxxxx. I have been working as a xxxxxxxxxxxxxx since DATE MONTH YEAR (starting at xxx THB) in which transfers to my saving bank account (xxxxxxxxx) every month (day 30th/31st). 

Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income as follows:

- Savings account passbook (BANK OF xxxxxxxxxxx Account No. xxxxxxx)     
- Statement of the past six months (BANK OF xxxxxxxxxxxx Account No. xxxxxxx)        
   ข้อนี้ optional นะ เค้าไม่ได้ขอ แต่อยากให้ก็ได้ 55555 อันนี้เผอิญเปน คนละบัญชีกับเงินเดือน     
- Employment letter (ถ้ามี)

If you have further query, please do not hesitate to contact me.

Yours faithfully,

Name Surname

ในกรณีที่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน ผมมีเขียนตัวอย่างไว้ให้ดูอีกเพิ่มเติมดังด้านล่างครับ
     ตัวอย่างจดหมาย - Evidence of Source of Fund

นอกจากนี้ ปกติจะแนะนำให้มีจดหมายอีกฉบับที่เขียนโดยผู้สปอนเซอร์แนบไปด้วย เพื่ออธิบายว่าเงินก้อนนี้ให้เราจริงๆครับ

ตัวอย่างจดหมาย - Financial Support Letter

 

**ที่สำคัญที่ต้องเน้นเลย คือตัวอย่างจดหมายนี่ให้ไว้สำหรับเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่แนะนำให้ลอกไป เพราะแต่ละคนรายละเอียดจะต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่โอนเงินให้ หลักฐานที่มาขอเงินของคนที่โอนให้ ความสัมพันธ์กับคนที่โอนให้

สำหรับกรณีอื่นๆ ผมแนะนำให้อ่านกระทู้ การทำ Statement Work and Holiday ด้วยครับ ในกระทู้จะอธิบายถึง case study แบบต่างๆที่มีเพื่อนๆมาถามไว้ครับ

2.3 copy ของสมุดบัญชีของผู้ที่โอนเงิน / ถ้ามีหลักฐานการทำงาน ที่มาของรายได้ขอคนที่โอนให้เราได้ก็จะยิ่งดีครับ 

2.4 copy of ID card (บัตรประชาชน / Passport ) ของบุคคลในข้อ 2.1
2.5 copy of House Registration ของบุคคลในข้อ 2.1 เพื่อให้ลิงค์กันกับเรา เช่น สมมติเป็นคุณป้า (พี่สาวคุณพ่อ) ทะเบียนบ้านคุณป้า และคุณพ่อก็จะลิงค์กันด้วยชื่อของคุณปู่คุณย่า ที่เหมือนกันเป็นต้นครับ

16. Evidence of Source of Fund (ในกรณีที่มีเงินเพิ่งเข้ามาไม่นาน)

17. หลักฐานเกี่ยวกับการประกัน
ก่อนหน้านี้จะมี condition ในวีซ่าที่บอกไว้เลยว่าเราต้องมีประกันตลอดระยะเวลาการเดินทางด้วย แต่หลังๆนี้สถานทูตนำออกไปแล้วครับ ดังนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่มีผลกับการพิจารณาวีซ่า อย่างไรก้ตามผมแนะนำให้มีไปด้วยเลยถ้าจะซื้ออยู่แล้วครับ เพราะจะมีกรณีที่ไม่ได้ยื่นไปแล้วทางสถานทูตขอเพิ่มมาก็มี และยังไงก่อนไปก็แนะนำให้มีก่อนอยู่แล้วและไม่แพงด้วย

เกร็ดความรู้เรื่องประกันสุขภาพ
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH (3/6 เดือน : Chartis)
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH (1 ปี : ไทยวิวัฒน์)
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH (1 ปี : Allianz)

การเซ็นรับรองเอกสาร

  • เราสามารถเซ็นรับรองเอกสารว่า "รับรองสำเนาถูกต้อง" หรือ "Certified True Copy" ได้ด้วยตัวเองครับ แนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ดีครับ และให้เซ็นเหมือนกับที่เซ็นไว้ใน Passport (ภาษาใดก็ได้)
  • เอกสารของใครก็ให้คนนั้นรับรองครับ เช่น บัตรประชาชนคุณแม่ คุณแม่ก็ต้องเป็นคนเซ็น

การแปลเอกสาร

การยื่นเอกสารกับสถานทูตเราจำเป็นต้องแปลเอกสารทุกอย่างที่ไม่เป็นภาษาอังกฤษไปให้ทางสถานทูตด้วย ซึ่งข้อควรทราบในการแปลเอกสารสำหรับ Work and Holiday Visa มีดังนี้ครับ

            มีเอกสารอะไรที่ต้องแปลบ้าง?
             - เอกสารใดๆที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษต้องแปลไปทั้งหมดครับ

            ต้องให้ใครแปล แปลเองได้หรือเปล่า ต้องมีการรับรองหรือไม่?
             - สามารถแปลเอกสารเองได้ครับ ณ ปัจจุบันไม่ต้องให้กงศุล หรือร้านแปลรับรอง ที่สำคัญคือต้องแปลให้ถูกต้อง ซึ่งในตัวอย่างการแปลเอกสารหลายๆอย่างผมมีให้ในเวปแล้วครับ

            เซ็นรับรองการแปล อย่างไรบ้าง?
             - Certified Correct Translation Only / Certified Correct Translation

            ต้องแปะรูปเราเอง ไปในเอกสารที่แปลมั้ย เช่นรูปเราเองในบัตรประชาชน?
             - รูปถ่ายเราไม่ต้องแปะไปครับ ทำเป็นกรอบสี่เหลี่ยมและเขียนว่า Photo เหมือนในรูปตัวอย่างต่างๆได้เลยครับ

            ตรงลายเซ็นเจ้าหน้าที่ ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นด้วยมั้ย?
             - ตรงลายเซ็น เราเขียนว่า signed / signature ครับ ไม่ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นจริงๆแล้วครับ

            แปลเอกสารคุณแม่แล้วต้องให้คุณแม่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอีกมั้ย?
            - ไม่ต้องแล้วครับ สมมติมีเอกสารคุณแม่ เราจะยื่นไปเป็น สำเนา (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง โดยเจ้าของเอกสาร) และตัวแปล (เซ็นรับรองการแปล โดยคนแปล)

ตัวอย่างเอกสารการแปลเพิ่มเติม ดูได้ในนี้ครับ 
           Thaiwahclub Download
           ตัวอย่่างการแปลเอกสารราชการจากเวปกงศุล

การนัดหมายล่วงหน้า VFS

ผู้ขอวีซ่าออสเตรเลียจากประเทศไทยจำเป็นต้องทำการนัดหมายกับ VFS ล่วงหน้า ก่อนที่จะทำการยื่นวีซ่า (แบบเปเปอร์) หรือทำเรื่องเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ สามารถเข้าไปนัดหมายตามด้านล่างนี้ครับ
การนัดหมายล่วงหน้ากับทาง VFS

หลังจากนัดแล้ว ให้นำใบนัดหมายมาแสดงตามวันและเวลาที่นัดหมาย ที่ศูนย์ยื่นวีซ่าออสเตรเลียในกรุงเทพฯและเชียงใหม่

สำหรับผู้ที่ยื่นวีซ่าแบบออนไลน์จะต้องทำการนัดหมายสำหรับการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์หลังจากที่ได้รับจดหมายแจ้งให้มาเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์จากสถานทูตเรียบร้อยแล้ว

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • หากบนนิ้วมีบาดแผลควรรอให้หายก่อนไปเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์
  • เฉพาะผู้สมัครที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยื่นวีซ่าเท่านั้น ยกเว้นผู้ปกครองเด็กที่มาพร้อมกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ถ้าไม่นัดล่วงหน้าทาง VFS จะไม่รับยื่นวีซ่าหรือเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์
  • นัดหมายได้เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งหนังสือเดินทาง ซึ่งถ้าต้องการขอวีซ่าที่เป็นครอบครัว 4 คนที่ จะต้องทำนัดทั้งหมด 4 ครั้ง
  • สำหรับกรุ๊ปที่เดินทางด้วยกัน (ตั้งแต่ 9 คนขึ้นไป) สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของ VFS ทางโทรศัพท์ 021187100 หรือส่งอีเมลไปที่ appointmentsagent.dibpth@vfshelpline.com เพื่อทำการนัดหมาย
  • ต้องนำใบนัดมาแสดงตามวันและเวลาที่นัดหมายไว้
  • แนะนำให้ไปถึงอย่างน้อย 15 นาทีก่อนเวลานัด
  • หากพลาดการนัดหมายในวันที่กำหนด ระบบจะอนุญาตให้ทำการนัดหมายอีกครั้งได้หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วเท่านั้น

การยื่นวีซ่าผ่านทาง VFS

  • เราสามารถยื่นวีซ่าได้ด้วยตัวเองที่ VFS ครับ (จริงๆสามารถยื่นทางไปรษณีย์ก็ได้ แต่ผมแนะนำว่ายื่นกับ VFS ไปเลย ตามเรื่องง่ายกว่าครับ)
  • การยื่นวีซ่ากับ VFS มีค่าธรรมเนียม 896 บาท  (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลัง 1/07/2018) 
  • ที่ตั้งศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศออสเตรเลีย อาคารเดอะเทรนดี้ ออฟฟิศ ชั้น 28 สุขุมวิท ซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
  • แผนที่ตั้ง
  • เวลาทำการ : 8.30 น. – 16.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดของสถานทูตออสเตรเลีย
  • คลิกเพื่อตรวจสอบวันหยุดของ VFS
  • เวลายื่นใบสมัคร : 8.30 น. – 15.00 น.
  • เวลารับผล : 10.00 น.- 16.30 น.
  • สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถาม VFS ได้โดยตรงที่  021187100 โทรได้ระหว่างเวลา 08.30 ถึง 16.30 จันทร์ถึงศุกร์ยกเว้นวันหยุดสถานทูตหรือสอบถามทางอีเมลล์ได้ที่ E-mail at: info.dibpth@vfshelpline.com

การตรวจสุขภาพ

  • ปกติเราจะยื่นวีซ่าไปและรอให้สถานทูตส่งอีเมลมาเรียกเราไปตรวจสุขภาพครับ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าเรากรอกเมลไม่ผิดและเชคอีเมลอยู่เสมอหลังจากยื่นวีซ่า ไปแล้ว การตรวจสุขภาพอาจจะตรวจแค่ Chest Xray หรือมากกว่านั้นอยู่ที่ทางสถานทูตจะแจ้งมาครับ
  • อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลีย รู้จักกับ eHealth (ตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลีย)
  • โรงพยาบาลที่สามารถไปตรวจสุขภาพได้ (Australia)
    สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่เราสามารถไปตรวจสุขภาพได้จากเวปอิมมิเกรชันตามลิงค์นี้ครับ
    Panel Physicians Thailand (คลิกตรง Panel Physician)

กำหนดการเดินทางหลังได้รับวีซ่าแล้ว

เมื่อได้รับวีซ่าแล้วทางสถานทูตกำหนดไว้ว่าเราจะต้องเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียภายใน 1 ปี และหลังจากเข้าประเทศออสเตรเลียไปแล้ว เราสามารถอยู่ต่อได้อีก 1 ปีครับ เช่น วีซ่่าผ่าน 10 Aug 2017 , เราเข้าประเทศออสเตรเลียได้ไม่เกิน 10 Aug 2018 และสมมติเราเข้าประเทศเค้าในวันที่ 1 Aug 2018 เราจะอยู่ในออสเตรเลียได้ถึง 1 Aug 2019 ครับ 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : 
การเข้าประเทศเราจะอายุเกิน 31 ไปแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ (คือได้วีซ่าแล้วเดินทางหลังอายุเกินไม่เป็นไร แต่ตอนยื่นวีซ่าอายุจะต้องยังไม่ 31) 
การเข้าออกประเทศออสเตรเลีย ถึงเเม้จะมีเวลา 1 ปีเป๊ะๆมาให้ แต่ก็แนะนำให้เข้าออกก่อนกำหนดนิดหน่อยป้องกันการดีเลย์ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆครับ
วีซ่าออสเตรเลียจะเป็น evisa ดังนั้นจะไม่มี label แปะมาด้วยไม่ต้องตกใจสามารถเข้าประเทศได้ด้วย passport เพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้พกใบ visa grant letter ติดตัวไปด้วยตอนเข้าประเทศครับ (และเผื่อใช้ในการหางานด้วย)
แสกนหลักฐานสำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็น visa grant letter , passport , IELTS ไว้และส่งเข้า email เก็บใน flashdrive ไว้ด้วยกันเหตุฉุกเฉินครับ

อ่านเพิ่มเติม : Australian Visa : E-visa

ยังไงขอให้โชคดีทุกคนครับ :)