ข่าวสาร >
2020
March
25
แชร์ประสบการณ์เที่ยวทั่วออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday โดยคุณน้ำพลอย (Part 1)
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 6243 คน )

     ประสบการณ์เที่ยวทั่วประเทศออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday กับกิจกรรมแคมป์ปิ้ง ตกปลา เดินป่า ปีนเขา ฯลฯ ที่คุณน้ำพลอยหรือชื่อแอคเคาท์ที่ใช้ในเว็บไซต์ Pantip ว่า ‘Amber in October’ จะมาแชร์ให้อ่านกัน

     **บทความนี้ได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่โดยคุณน้ำพลอย**

 

     สวัสดีค่า ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองตึงเครียดมาก ทั้งการเมือง ทั้งไวรัส เลยรู้สึกอยากเบรกความเครียดที่ไม่ได้ออกไปไหนช่วงนี้เอามาเขียนเล่าประสบการณ์ที่ไปออสเตรเลียด้วย Work and Holiday เผื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้คนที่อยากหนีไปจากที่นี่ เอ้ย อยากไปพักเบรกตัวเองที่ตปท. ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น

     Work and Holiday Visa

     เริ่มจาก Work and Holiday หรือหลังจากนี้เราจะเรียกสั้นว่า WAH คืออะไร มันก็คือวีซ่าที่ให้สิทธิ์คนไทยที่อายุไม่เกิน 30 ปี (ไม่รู้ระหว่างนี้มีการปรับอะไรหรือเปล่า ลองเช็คข้อมูลดูอีกทีนะคะ) มีผลทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS 4.5 ขึ้นไป มีเงินสำรองในบัญชี 5,000 AUD และมีดวงกดได้โควต้า 

     ซึ่งปีที่ผ่านมาก็อัพจำนวนจาก 500 คนกระโดดไปเป็น 2,000 คนแล้ว เรียกว่ารุ่นน้องต่อจากนี้โชคดีมากๆ ส่วนข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ลองกูเกิ้ลดูได้เลยค่ะ มีคนสรุปไว้เยอะมาก

     ถามว่าใครที่เหมาะกับวีซ่านี้ ถ้าถามเราเราก็คงบอกว่าคนที่อยากไปเที่ยว อยากไปทำงานเก็บตังค์ อยากไปทดลองใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไปลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มากกว่าแค่ไปเที่ยว หรือไปเรียน แต่ก็ไม่ควรมีภาระทางบ้านให้กังวลมากนัก เพราะในช่วงแรกๆ ที่ไปถ้ายังหางานไม่ได้ และเงินร่อยหรอลงทุกวันก็จะเครียดมากจนใช้ชีวิตไม่สนุกค่ะ

 

     ได้วีซ่ากี่ปี?

     โดยปกติแล้วเมื่อได้วีซ่าครั้งแรกจะอยู่ในออสเตรเลียได้ 1 ปี ซึ่งระหว่างนี้จะทำงาน เที่ยวเล่น ไปไหนมาไหนก็ตามแต่ใจเลย 

     ทีนี้มันจะมีเงื่อนไขพิเศษเหมือนเก็บเควสก็คือถ้าทำงานในพื้นที่กำหนด 3 เดือนก็สามารถต่อวีซ่าปีที่ 2 ได้ และในระหว่างปีที่ 2 ถ้าทำงานในพื้นที่ที่กำหนด 6 เดือนก็จะสามารถต่อปีที่ 3 ได้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากอยู่มากกว่า 1 ปีก็ต้องมีการวางแผนดีๆ ค่ะ ตัวเราเองอยู่ที่ออสด้วยวีซ่านี้มา 2 ปี และตอนนี้ก็กลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทยพร้อมรอต่อปี 3 ไปด้วย

     ระหว่างสองปีที่อยู่ที่ออสเราย้ายเมืองเยอะมาก เพื่อทั้งเที่ยวและทำงาน มีทั้งแวะแป๊ปๆ เมืองทางผ่าน ตั้งใจไป หรือไปอยู่ทำงานยาว ทำให้ในสองปีเรามีโอกาสได้ไปแวะมาแล้วทุกรัฐเหนือจรดใต้ (แต่ยังไม่ครบทุกเมืองนะ มีอีกหลายที่ที่อยากไปมาก) ซึ่งก็คือจุดประสงค์ของกระทู้นี้… แนะนำที่เที่ยวทั่วออสนั่นเอง ฮ่าๆๆ

     ซึ่งเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้อ่านมากขึ้น เราก็ขอเริ่มต้นด้วยข้อมูลควรรู้เกี่ยวกับการเที่ยวในออสนิดนึง

 

     ค่าเงิน

     ออสเตรเลียใช้ค่าเงินออสเตรเลียนดอลล่าร์ (AUD) ซึ่งช่วงนี้เรทไม่ค่อยจะเป็นใจสำหรับคนที่ทำงานที่ออสซักเท่าไหร่ แต่ดีสำหรับคนที่จะไปเที่ยวมากๆ ตีกลมๆ ว่า 1 AUD = 20 บาท

 

     การเดินทาง

     การเดินทางในออสเตรเลียมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่เราจะมาเล่าในส่วนที่เราเคยใช้นะคะ

  • เครื่องบิน - เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างสะดวกสบายเลยทีเดียว เพราะในหลายเมืองเล็กเมืองน้อยมีสนามบินเป็นของตัวเอง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับข้ามรัฐ แต่ข้อเสียก็คือไฟลท์ในประเทศบางทีแพงกว่าบินไปเที่ยวตปท.ซะอีก เช่นครั้งนึงเราบินจาก Melbourne ไป Alice Spring ขาเดียวโดนไปราวๆ 350 AUD ซึ่งบินกลับไปมากินบอนชอนได้เลยจ้า
  • รถไฟ – ส่วนใหญ่รถไฟในออสจะใช้เชื่อมเมืองที่ไม่ไกลกันมาก คนส่วนใหญ่ใช้เพื่อเดินทางจากบ้านที่อยู่นอกเมืองเข้ามาทำงานในเมือง หรือไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ รถไฟขบวนที่แนะนำคือระหว่าง Sydney – Melbourne สำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวแบบชิลล์ๆ และประหยัด เพราะถ้าจองตั๋วกลางคืนก็ประหยัดค่าที่พักไปหนึ่งคืน แถมยังมาส่งถึงใจกลางเมืองไม่ต้องเสียค่า Airport Bus อีกต่อด้วย
  • รถแทรม – เวลาเที่ยวในตัวเมือง รถแทรมหรือรถรางคือตัวเลือกที่ดีมากๆ เพราะง่ายต่อการดูป้ายสำหรับคนที่ไม่เก่งเรื่อง Direction (แบบเรานี่ไง ฮ่าๆ) เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องแทรมก็เห็นจะหนีไม่พ้น Melbourne เพราะมีเขต Free tram zone ให้เที่ยวชมในส่วน CBD ได้ด้วย ขณะที่ Sydney เองก็มีการก่อสร้างแทรมเพิ่มหลังจากที่เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนเพิ่งจะรื้อออกไป (เอ้า! ฮ่าๆๆ)
  • รถบัส – เป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายสำหรับคนสัมภาระไม่เยอะและต้องการจะไปในจุดที่รถไฟไปไม่ถึง เช่นตามตรอกซอกซอยต่างๆ ถ้าอยู่นานควรทำบัตรสำหรับตื๊ดขึ้นบัสของเมืองนั้นๆ ไว้ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ
  • รถบัสข้ามเมือง Greyhound – เป็นรถบัสที่เราได้มีโอกาสใช้บริการหลายครั้ง ก็อารมณ์รถทัวร์เจ๊เกียวบ้านเราเลย แต่สะอาด มีที่ชาร์จไฟ เราเจอคนขับใจดีและเป็นมิตรหลายครั้งมาก อันนี้จำเป็นต้องจองตั๋วก่อน สามารถกดออนไลน์ได้เลย อ้อ อันนึงที่อยากแนะนำ เคยคิดว่าจะลองแต่ยังไม่ได้ลองคือ Greyhound มีตั๋วแบบ Hop in - Hop off ด้วย พูดง่ายๆ ก็คือตั๋วบุฟเฟ่ต์ นั่งไปเที่ยวเมืองต่างๆ ได้ไม่จำกัด 3 เดือน 6 เดือนก็ว่าไป เหมาะกับ Solo Traveler
  • เรือ – ไว้ใช้ข้ามไปเกาะต่างๆ ถ้าใครได้ไป Sydney อย่าลืมนั่งเรือไป Manly วิวสวยมาก
  • เช่ารถบ้าน – ถ้าไปเที่ยวกันกับเพื่อนเป็นกรุ๊ปใหญ่ การเช่ารถบ้านเรียกว่าประเสริฐมาก เพราะนอกจากจะสามารถบรรจุคนได้เยอะแล้ว ยังสามารถนอนในรถประหยัดค่าที่พักไปอีก แล้วก็มีห้องน้ำในรถ ไม่ต้องวิ่งเข้าป่าข้างทาง เราไปเที่ยวโร้ดทริปที่ Uluru กับเพื่อนอีกเจ็ดแปดคนด้วยรถบ้านหนึ่งคัน รถเก๋งหนึ่งคัน และหิ้วเต็นท์ไปด้วย เสียแค่ค่าจอดที่ Camping Ground รวมทั้งทริปไม่กี่ร้อยเหรียญเอง
  • ซื้อรถ – อันนี้เรียกว่า Highly Recommend สำหรับคนที่แพลนจะเที่ยวในออสเป็นปี บอกเลยว่าซื้อเถอะ คุ้ม! ซื้อแบบที่เป็น Camper Van ก็จะดี หรือจะซื้อรถธรรมดาและซื้อเต็นท์ติดรถไว้ก็ดี แต่ขอให้เป็น 4WD เพราะที่เที่ยวสวยๆ ในออสคือต้องบุกป่าฝ่าดงทั้งนั้น เอ้า เขียนมาขนาดนี้ลืมบอกว่ากระทู้นี้เน้นสายเที่ยวแบบสายลมแสงแดด เดินป่า ตกปลา ปีนเขา ไม่มีแนะนำแหล่งช้อปปิ้งเท่าไหร่นะฮะ แงงง ซึ่งระหว่างที่เที่ยวเราก็ได้ลองมาหมดแล้วทั้งรถธรรมดา Camper Van และต่างๆ โดยส่วนตัวที่ชอบที่สุดก็คือรถแบบ 4WD คันใหญ่ๆ ที่ติด Rooftop Tent ข้างบน เพราะสามารถจอดกางนอนได้เลย ขณะที่ในรถก็ยังใช้เก็บของได้ แถมไม่ต้องห่วงว่านอนบนพื้นในป่าจะมีสัตว์มาบุกหรือเปล่า ซึ่งถ้าเริ่มทำงานแล้วจริงๆ ซักเดือนสองเดือนก็สามารถซื้อรถมือสองเงินสดได้แล้ว (คำแนะนำก็คือคอยจับตาดูใน Marketplace เรื่อยๆ บางทีจะมีพวก Backpacker ที่ต้องกลับบ้านแล้วเอารถมาขายถูกๆ แต่ก็ตาดีได้ตาร้ายเสียนะฮะ)

 

     เรื่องกินเรื่องใหญ่

     และเรื่องที่ใหญ่ที่สุดของชีวิตรองจากเรื่องนอนก็คือ… เรื่องกินนั่นเอง เชื่อเถอะว่าคนที่มาอยู่ออสแรกๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปนั่งกินในร้านอาหารทุกมื้อหรอก เดินซูเปอร์มาร์เก็ตยังต้องคำนวณกลับไปกลับมาเลย นั่นก็เพราะราคาอาหารของที่นี่นั้นแพงมากๆ เรียกว่าถ้ากินนอกบ้านทุกมื้ออาจมีหมดตัวได้ 

     ในเมืองใหญ่ๆ อย่าง Sydney หรือ Melbourne อาจยังพอหาอาหารแบบข้าวผัดจานละ 12 AUD (ราวๆ 250 บาท) ได้บ้าง แต่ตามเมืองต่างจังหวัดแค่ Fish and Chips โง่ๆ อาจพุ่งไปถึง 33 AUD (หรือ 660 บาทได้) เพราะฉะนั้นการทำอาหารกินเองนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าจะไปเที่ยวโร้ดทริปก็ให้แน่ใจว่าหม้อ เตาแก๊ส เขียง มีด พรักพร้อม 

 ภาพปลากรอบคืออาหารที่ทำเอง ตอนอยู่ไทยแทบไม่แตะตะหลิว มาอยู่นี่เห็นราคาอาหารแล้ว วิญญาณมาสเตอร์เชฟเข้าสิงก็ได้ค่ะ แงงง

 

     แหล่งโปรตีนราคาถูกสำหรับคนที่มีงบจำกัดก็คือไก่ น่องไก่นี่คือถูกที่สุด ช่วยทำลืมๆ ไปว่าเมื่อก่อนกินหมูเป็นกิจวัตร และสำหรับใครที่กินเนื้อได้ เจ้าแม่กวนอิมอนุญาตแล้ว ก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะอย่างที่รู้กันว่าออสเตรเลียคือแหล่งผลิตเนื้อชั้นดี 

     วิธีที่เราใช้ก็คือชอบไปเดิน IGA บางทีจะชอบมีลดราคาเนื้อก้อนใหญ่ๆ 40-50% เราก็ซื้อทั้งก้อนนั้นมาหั่นเป็นชิ้นๆ ใส่ช่องฟรีซไว้ เวลาจะใช้ก็หยิบออกมาดีฟรอสทีละชิ้น ทำได้ทั้งสเต็ก กะเพราะเนื้อ เนื้อตุ๋นหม้อไฟ ไปยันเสือร้องไห้ 

     ขณะที่ผักที่นี่มีราคาแพงมาก ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ก็ลองไปเดินพวกตลาดเอเชียดู แต่ถ้าอยู่เมืองต่างจังหวัดก็บอกได้แค่กินแครอทวนไปเพราะแค่ถุงละ 1 AUD เท่านั้น 

 

     Tips ต่างๆ 

     เอ้า นี่ยังไม่เข้าเนื้อหาจริงอีกเหรอ ฮ่าๆๆ เกือบแล้วค่ะอย่าเพิ่งสาปแช่ง มาเล่าทิปต่างๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ให้ฟัง

  • อุปกรณ์แคมป์ปิ้งต่างๆ ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องของใหม่ ซื้อต่อจากพวก Backpacker ตาม Marketplace จะถูกมาก
  • ซื้อรองเท้าดีๆ ซักคู่แล้วชีวิตจะดี เพราะออสเตรเลียเป็นประเทศแอดเวนเจอร์ งานปีนเขาต่างๆ ต้องมา เพราะฉะนั้นลงทุนกับรองเท้าดีๆ ที่ไม่ลื่นซักคู่ ยิ่งถ้าซื้อสีดำ ใช้ใส่ทำงานได้อีกด้วย
  • ทำใบขับขี่ไปจากไทย เพราะมาทำใบขับขี่ที่นี่ไม่จบแค่วันเดียวแบบไทยนาจา
  • ถ้าใครมีแนวโน้มสายตาสั้น-ยาว ตรวจสายตาและเอาแว่น เอาคอนแทคเลนส์ไปจากไทยเลย เรามาตรวจสายตาที่นี่พร้อมซื้อคอนแทคเลนส์สองคู่โดนไปสี่พันบาทจ้า 
  • ยาต่างๆ เช่น ยาพารา ยาแก้ปวดประจำเดือน ยาดม ยาหม่อง ขนไป (ใครที่เอาผงโลโบต่างๆ ใส่กระเป๋าแล้ว เอาออกให้หมด ผงพวกนี้หาที่นี่ได้)
  • เสื้อผ้าหน้าร้อน ซื้อเสื้อผ้าที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ไทยจริงๆ ใครสายแฟชั่นอย่าหวังมาซื้อที่นี่ มันไม่เหมือนกันอ่ะเทอออ แต่พวกบิกินี่มาซื้อที่นี่ได้มีแบรนด์ดีๆ อยู่เยอะมาก
  • ไปเรียนว่ายน้ำให้เป็น ฮ่าๆๆ จะบอกว่าตอนไปออสเราว่ายน้ำไม่เป็น แต่ที่ออสมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าทำเยอะมาก ทั้งดำน้ำที่ Great Barrier Reef, Surfing หรือ SUP ซึ่งหลังจากเราติดใจ Snorkeling ก็หัดว่ายน้ำจนได้ไปลองทั้งเซิร์ฟ ทั้ง SUP
  • ถ้าอยากพัฒนาสกิลภาษาอังกฤษให้พาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีคนไทย ก็เหมือนการว่ายน้ำ เดี๋ยวสัญชาตญาณจะพาเราเอาตัวรอด และพัฒนาขึ้นเอง

 

     ติดตามบทความตอนต่อไปของคุณน้ำพลอยได้ทาง Thaiwahclub.com