อ่านบทความก่อนหน้า : แชร์ประสบการณ์เที่ยวทั่วออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday โดยคุณน้ำพลอย (Part 1)
**บทความนี้ได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่โดยคุณน้ำพลอย**
ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทย บินแค่ประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึง ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นว่าพื้นที่ของออสเตรเลียมีขนาดใหญ่มาก โดยใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก เรียกว่าทั้งทวีปรวมทั้งเกาะ Tasmania ทางตอนใต้เป็นของออสเตรเลียหมดเลย
แต่ถึงจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน ประชากรชาวออสซี่กลับมีเพียงน้อยนิด เรียกว่าประชากรจิงโจ้ยังมากกว่า ฮ่าๆๆ เราจึงเห็นได้ว่าคนที่อาศัยในออสตอนนี้มีหลากหลายเชื้อชาติมาก เพราะประเทศใหญ่แต่คนน้อย จึงขาดแคลนแรงงานที่จะมาทำงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ
ภาพประกอบ : www.australianluxuryescapes.com
เมื่อพูดถึงที่เที่ยวในออสคิดว่าทุกคนคงนึกถึง Opera House หรืออาคารทรงดอกบัวที่ตั้งตระหง่านริมน้ำใน Sydney แต่จริงๆ แล้วประเทศนี้เป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์หลากหลายมาก เมื่อเดินทางไปในแต่ละรัฐบางครั้งอาจจะรู้สึกว่าอยู่คนละประเทศเลย
ออสเตรเลียแบ่งพื้นที่ทั้งหมดออกเป็น 6 รัฐ (States) และ 2 ดินแดน (Teritories) ได้แก่
ซึ่งเราก็จะพาเที่ยวไปในแต่ละรัฐและดินแดนต่างๆ บางรัฐอยู่นานก็มีที่เที่ยวเยอะหน่อย บางรัฐแค่แวะผ่านๆ ก็จะเล่าคร่าวๆ นะฮาฟ
เอารูปไปดูกันก่อน ฮี่ๆ
หมายเหตุ – รูปทั้งหมดมาจากต่างกรรมต่างวาระเพราะไม่ได้คิดว่าจะมารีวิว มีทั้งกล้อง มือถือ มีแต่งสี VSCO ตามแต่มู้ดจะมาตอนอัพโซเชียล หรือสดๆ โนปรับเพราะขี้เกียจ พยายามจะไม่เอาหน้าตัวเองลงยกเว้นรูปประกอบที่หาไม่ได้จริงๆ แฮ่
1. New South Wales (NSW)
หนึ่งในรัฐยอดฮิตที่ใครๆ ต่างก็มุ่งหน้าไปเพราะมีเมืองที่เป็นศูนย์รวมความเจริญอย่าง Sydney อยู่ เป็นเมืองที่เราไปใช้ชีวิตอยู่ราวๆ ครึ่งปี ถ้าจะให้คำนิยามเมืองนี้ก็คือศูนย์รวมประชากรเอเชียแห่งออสเตรเลียนี่เอง ฮ่าๆๆ เรียกว่าล้มไปทางไหนต้องเจอร้านอาหารไทย ร้านนวด ร้านชานมไข่มุก เหมาะสำหรับคนชอบใช้ชีวิตเมืองๆ แต่ก็อยากมีบีชสวยๆ ให้ไปนอนอาบแดดได้
1.1 Sydney
หนึ่งในเมืองที่ค่าครองชีพแรงไม่เบา โดยเฉพาะค่าเช่าห้องที่หาเลือดตาแทบกระเด็นก็ยังได้ห้องเล็กเท่ารูหนู แต่ข้อดีก็คือเป็นเมืองที่มีแนวโน้มจะได้งานไม่ยากโดยเฉพาะงาน Hospitality เพราะมองซ้ายก็ร้านอาหาร มองขวาก็คาเฟ่ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีบาร์ดีๆ ติดอันดับโลก
1.1.1 Opera House, Circular Quay และ Royal Botanic Garden
ถ้ามาไทยต้องไปวัดพระแก้ว โอเคไป Sydney จะไม่ไปดู Opera House เลยก็ใช่ที่ สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปสวยๆ กับอาคารดอกบัวหลังนี้แบบไม่ต้องเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ลองเดินเข้าไปใน Royal Botanic Garden ที่อยู่ติดกันในวันอากาศดีๆ จะห่ออาหารมาปิกนิกด้วยก็ได้ หรือถ้าเดินเล่นเรื่อยมาถึง Circular Quay ก็สามารถแวะเข้าไปดูงานศิลปะฟรีได้ที่ Museum of Contemporary Art
ในวันหยุด ศุกร์-อาทิตย์ 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น บริเวณนั้นมี The Rock Market ตลาดนัดเกร๋ๆ ให้ไปเดินเล่นหาอะไรกิน ส่วนสายแอลแถวนั้นมีบาร์ชื่อ The Argyle ที่ชอบมีโปรโมชั่นคอกเทลถูกสุดอินทาวน์ไปเลย
1.1.2 Beaches
สิ่งหนึ่งที่ Sydney สามารถหัวเราะเย้ย Melbourne ได้ก็คือถึงจะเป็นเมืองวุ่นวายนายเย็นชาเหมือนกันแต่ Sydney กลับมีชายหาดสวยๆ มากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นหาดยอดฮิตติดเมืองอย่าง Bondi, Clovelly, Gordons Bay หรือหาดที่ต้องขับรถออกไปอย่าง Palm Beach เปิดแมปแล้วจิ้มเลือกเอาเลยเจ็ดวันเจ็ดบีช จะไปนอนอาบแดดดูดน้ำแตงโมปั่นก็ดี หรือจะไปเล่นน้ำ เล่นเซิร์ฟก็ดี (แถวนั้นมีโรงเรียนสอนเซิร์ฟหลายโรงเรียนลองกูเกิ้ลดูได้จ้า)
แต่ถ้าให้แนะนำก็คืออยากให้ไปเดินทางเลียบผาจาก Cogee – Bondi เป็นทางเดินยาวๆ ผ่านทุ่งหญ้าบ้าง ผาหินบ้าง เป็นเส้นทางที่คนจูงหมามาเดินเล่น ออกกำลังกาย ดูพระอาทิตย์ตก ถ้าเดินเต็มเส้นทางก็ประมาณ 6km แต่ถ้าใครไม่อยากเดินยาวขนาดนั้นจะนั่งบัสมาลงกลางทางก็ได้
1.1.3 Pools
นอกจากชายหาดแล้วอีกที่ที่เราชอบไปโดยส่วนตัวก็คือสระว่ายน้ำกลางแจ้ง Sydney มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งหลายที่ ทั้ง Icebergs, Redleaf Pool, Bronte Baths บางอันก็ฟรี บางอันก็เสียตังค์ แต่ก่อนไปเช็คดีๆ เพราะบางทีมีวันหยุดกับบางที่ให้แค่ผู้หญิงเข้าเท่านั้น
ส่วนอันที่เราชอบที่สุดโดยส่วนตัวก็คือ Wylie Baths เป็นสระว่ายน้ำเก่าที่มีสะพานไม้ให้เดินลงไป สามารถนอนอาบแดดตรงโขดหินก็ได้ หรือจะลงไปว่ายน้ำในสระ (ที่น้ำก็มาจากน้ำทะเลนั่นแหละ) ก็ได้
1.1.4 The Ground of Alexandria
ยอมรับว่าบางทีก็มีมุมอยากไปในที่ Instagramable บ้าง ซึ่งถ้านึกถึงที่ที่ตกแต่งสถานที่สวยๆ ใน Sydney ที่นึกออกเร็วๆ ก็หนีไม่พ้น The Ground of Alexandria ที่มีทั้งในส่วนคาเฟ่ บาร์ร้านอาหาร และร้านดอกไม้
ในแต่ละเทศกาลที่นี่จะตกแต่งไปในธีมต่างๆ กัน เช่น Winter Christmas หรือ Alice in Wonderland สำหรับคนที่ไม่มีเวลาไป (เพราะต้องนั่งรถไฟหรือบัสจาก CBD ออกไปอีกหน่อย) ในตัวเมืองก็มีคาเฟ่ของ The Ground เปิดอยู่เหมือนกัน ถ้าถามความเห็นกาแฟกับขนมเฉยๆ มาก ฮ่าๆๆ แต่ราคาไม่ได้แรงอย่างที่คิด
1.1.5 Cocktail Bar
ถ้า Melbourne เป็นเมืองแห่งคาเฟ่ เราว่า Sydney ก็เป็นเมืองแห่งบาร์ อย่าถามว่าคนออสดื่มเก่งแค่ไหน เอาเป็นว่าล้มไปทางไหนถ้าไม่เจอบาร์ให้ดีดเหม่งเลย ออกตัวก่อนว่าเราเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องดื่มอะไรขนาดนั้น แต่แค่รู้สึกว่าที่นี่มีบาร์ที่หลากหลายทั้งแนวเครื่องดื่ม และบรรยากาศให้เลือกอยู่เยอะมาก ที่เสียดายก็คือตอนนั้นน่าจะมีโอกาสได้ไปลองให้เยอะกว่านี้ (ตอนนี้ย้ายมาอยู่เมืองเล็กๆ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ฮือ) เอาบาร์ที่ไปแล้วชอบมาหย่อนไว้สองสามชื่อละกัน
1.1.6 Events & Concert
Sydney ไม่ใช่สถานที่แต่เป็นผู้คน ผิดๆ ฮ่าๆๆ นอกจากสถานที่ต่างๆ มิวเซียม ร้านอาหารที่ไม่ได้พูดถึงแล้ว (ขี้เกียจเขียน อาจเพิ่มทีหลัง ฮ่าๆ) สิ่งหนึ่งที่คนอยู่เมืองใหญ่ได้เปรียบกว่าก็คือบรรดาทัวร์คอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ จะเดินทางมาหาคุณเอง
สำหรับสายฟังเพลง ทำกิจกรรม อย่าปล่อยให้โอกาสนี้เสียเปล่า ถ้าเงินเหลือก็ไปเถอะ บางทีคำนวณออกมาค่าตั๋วถูกกว่าที่ไทยอีก ขอเขียนยกตัวอย่างถึงสั้นๆ ละกัน
Sculpture by the sea – งานนิทรรศการศิลปะริมชายฝั่งจาก Bondi – Coogee ที่จัดขึ้นทุกปี เป็นงานที่รวบรวมเอาประติมากรรม ตลอดจนงานสร้างสรรค์ต่างๆ มาจัดแสดงกลมกลืนไปกับธรรมชาติ สามารถเดินดูได้ยาวตลอดชายฝั่ง ที่สำคัญ ฟรี!
1.2 Blue Mountain
สำหรับคนที่เบื่อเมือง อยากจะหนีไปดูป่าดูเขาแต่ก็ไม่อยากไปไกล แหล่งธรรมชาติที่เหมือนจะใกล้ Sydney ที่สุดก็คืออุทยานแห่งชาติ Blue Mountain ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวยาว อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติต่างๆ ซึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตก็เห็นจะไม่พ้นเจ้าหิน Three Sisters ชื่อดัง หรือใครที่เดินไหวก็สามารถเลือกเส้นทางศึกษาธรรมชาติตามแต่กำลังเข่าจะเอาไหว
1.3 Mushroom Picking at Dalys Camping Area
มีวันหยุดอยู่สองสามวันตอนนั้นไม่รู้จะทำอะไรเลยไปแคมป์ปิ้ง ก็ขับรถออกไปเลยไปที่ไหนๆ ก็เต็มเพราะเป็นช่วงหน้าเทศกาล เลยกดแมปหามั่วๆ เจอ Camping ground ที่นึงไม่ไกล ที่โชคดีก็คือจุดที่สุ่มไปเป็นป่าสนที่เป็นแหล่งเก็บเห็ด ตอนแรกก็แบบไม่เอาดีกว่าเก็บมามั่วๆ เดี๋ยวเจอเห็ดพิษ จนเจอคนแถวนั้นแนะนำวิธีดูเห็ดให้ ก็เลยลองดู เอามาย่างส่วนนึง อีกส่วนใส่ซุปมิโซะ บอกเลยว่ามันดีย์มาก
หมายเหตุ – เก็บแต่พอกิน เหลือไว้ให้คนข้างหลัง หรือให้เห็ดได้เติบโตด้วยนะจ๊ะ
2. Victoria (VIC)
แล้วก็มาถึงรัฐที่เล็กที่สุดของออสเตรเลียที่เป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งเมืองฮิตอย่าง Melbourne นั่นเอง ถึงจะเล็กแต่ก็เป็นรัฐที่ค่อนข้างเจริญ ตั้งอยู่ทางขวาล่างสุดของแผนที่ ทั้งยังเป็นรัฐที่ใกล้กับ Tasmania ที่สุดอีกด้วย
2.1 Melbourne
สำหรับแล้ว Melbourne เป็นเหมือน Bittersweet memory ทั้งสนุกทั้งเศร้า อาจจะด้วยเพราะเป็นเมืองแรกที่เราแลนดิ้งหลังจากออกจากประเทศไทย ทุกอย่างตื่นตาตื่นใจไปหมด แต่การพยายามใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวในเมืองที่ทุกอย่างไม่คุ้นเคยก็เป็นเรื่องไม่ง่ายเช่นกัน
โชคดีที่ Melbourne เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ มีคาเฟ่ดีๆ มิวเซียมเจ๋งๆ ย่านน่าสนใจที่พอจะดึงความสนใจเราไปจากความกังวลในการหางานไปได้ ข้อเสียหลักอย่างเดียวก็คืออากาศแปรปรวนมาก เรียกว่าในสามเดือนป่วยไปสี่ครั้งเลยยกธงยอมแพ้อยู่เมืองนี้ได้แค่แปปเดียวก็ย้าย
2.1.1 Museum - Gallery
อย่างที่บอกว่า Melbourne เป็นเมืองแห่งศิลปะ ไม่ใช่แค่ศิลปะที่อยู่ในกรอบรูป แต่ทุกๆ ที่ของเมืองคือรันเวย์ เอ้ย คือผ้าใบของกราฟิตี้ฝีมือเจ๋งทั้งหลาย เดินๆ โผล่พ้นมุมตึกไปเราอาจจะเจองานวาดขนาดตึกสี่ชั้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าใครขี้เกียจเดินหาก็ตรงดิ่งไป Hosier Lane ได้เลย เป็นแหล่งที่เหล่าอาร์ตทิสมาโชว์ของกัน
แต่สำหรับคนที่ใจมาทาง Museum – Gallery บ้าง ขอบอกว่านี่คือสวรรค์ แค่ใน CBD และรอบๆ ก็มีทั้งมิวเซียม แกลอรีน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน เอามายกตัวอย่างนิดๆ ละกัน
นอกจากนี้ใน Melbourne ยังมีแกลอรีขนาดเล็กที่น่าสนใจกระจายตัวอยู่ทั่วเมืองเลย ลองตามข่าวจากแกลอรีหรือศิลปินที่ชอบดูได้ อย่างอันนี้เราโชคดีมากช่วงที่กลับมาเยี่ยม Melbourne อีกรอบ Smugone กราฟิตี้อาร์ตทิสที่เราชอบมาเปิดแสดงงาน Solo Exhibition เป็นครั้งแรกที่ Juddy Roller Gallery ซึ่งเวลาไปตามงานเปิดตัวหรืออีเวนท์ต่างๆ สิ่งที่จะได้เป็นโบนัสด้วยก็คือเบียร์ฟรีนั่นเอง ฮ่าๆๆ
2.1.2 Café
ตอนแรกว่าจะไม่เขียน เพราะขี้เกียจ ฮ่าๆ แต่เขียนถึง Melbourne แล้วไม่พูดถึงคาเฟ่ก็จะแบบดูไม่ครบ เอาเป็นว่าคาเฟ่ดีๆ เยอะแยะ ล้มไปทางไหนก็เจอ เอาตัวอย่างไปสองที่ละกัน
2.1.3 Fitzroy
อันนี้เป็นย่านที่ชอบจนถึงกับต้องมาเขียนแยกไว้เลยทีเดียว เทียบกับกรุงเทพก็คงอารมณ์ย่านเก๋ๆ เต็มไปด้วยคาเฟ่ บาร์ ร้านหนังสือ เป็นย่านที่เดินไปทางไหนก็อยากแวะ อยากเดินเข้าไปหมด ด้วยดีไซน์ของอาคารบ้านเรือน การตกแต่งร้าน ธีมต่างๆ แค่เดินถ่ายรูปก็สนุกแล้ว โดยเฉพาะสายวีแกน หรือคนชอบสินค้าออแกนิคก็มีทั้งร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ตแนวนี้อยู่เยอะเลย อ่ะ หย่อนลายแทงนิดๆ
อ้อ Lune Croissanterie ก็อยู่ย่านนี้ด้วยนะ
2.1.4 Beaches
เอาตรงๆ สำหรับเราถ้าอยากเที่ยวบีช อย่าไป Melbourne ฮ่าๆๆ
2.2 Great Ocean Road
ถ้าจะมาเที่ยวรัฐ Victoria แล้วถามว่าห้ามพลาดอะไร เราจะบอกว่าห้ามพลาดไปขับรถเลียบชายฝั่งที่โรแมนติกที่สุดอย่าง Great Ocean Road
คนส่วนใหญ่มักจะไปเช้าเย็นกลับทำให้ได้แวะแค่จุดถ่ายรูปไม่กี่จุด แต่จริงๆ แล้วถนนเส้นนี้มีที่ให้แวะชิลล์เยอะมาก มีหาดสวยๆ ให้แวะเล่นเซิร์ฟ มีคาเฟ่ให้แวะนั่งดูทะเลตอนเช้า มีจุดแคมป์ปิ้งดีๆ ให้แวะจอด แต่แน่นอนไฮไลท์หลักก็คือการไปดู 12 Apostles และหินรูปทรงแปลกตาที่ผ่านการกัดเซาะของลมและน้ำทะเลนับร้อยปี อันนี้จะไม่รีวิวมากเพราะมีคนรีวิวไว้เยอะแล้ว ลองหาอ่านดูได้
2.3 Ballarat WildLife Park
ถ้าเวลาเหลือเยอะไม่รู้จะไปไหน นั่งรถไฟไปดูจิงโจ้กับน้อนอื่นๆ กันได้ที่ Ballarat โดยเป็นสวนสัตว์ที่ปล่อยให้จิงโจ้วิ่งเล่นตามสะดวก เราสามารถซื้อขนมไปป้อนน้องได้อย่างใกล้ชิด เหมาะกับคนที่อยากถ่ายรูปกับน้อง เพราะจิงโจ้ที่นี่ไม่ดุร้าย ดูทรงแล้วน่าจะอิ่มขนมจนอาละวาดไม่ไหว หลังจากนั้นอาจจะไปเดินเล่นรับอากาศดีๆ ที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ก่อนกลับก็ได้
2.4 Bendigo
มีอยู่วันนึงที่ไม่มีอะไรประกอบกับรุ่นพี่คณะหลายคนอยู่ใน Melbourne ช่วงนั้นพอดีเลยตัดสินใจเช่ารถไปเที่ยววันเดย์ทริปกัน
จุดที่แวะหลักๆ ก็คือ Lavandula Swiss Italian Farm ซึ่งเป็นฟาร์มลาเวนเดอร์ขนาดไม่ใหญ่ แต่การตกแต่งข้างในน่ารักมาก แล้วก็เมือง Bendigo ซึ่งเป็นแหล่งเหมืองทองในอดีต ตัวเมืองมีร้านกระจุ๊กกระจิ๊กให้รู้สึกอยากแวะเต็มไปหมด แต่ที่เราชอบสุดก็คือ Bendigo Art Gallery ซึ่งกำลังมีนิทรรศการของ Marimekko อยู่พอดี
2.5 Grampians National Park
ในที่สุดก็ได้ออกจากเมืองซะที ฮ่าๆๆ ขยับออกมาหน่อยมีอุทยานแห่งชาติที่เราชอบมากอยู่อีกที่คือ Grampians ช่วงที่ไปคือฝนตก หมอกลง แต่มีวันนึงโชคดีหมอกไม่จัดมาก ได้ลัดเลาะชะง่อนหินไปดูพระอาทิตย์ตกลงหน้าผา
อีกวันก็ได้ไปแวะดู Mackenzie Fall เป็นอุทยานที่ไม่ได้ใหญ่ว้าวอะไรแต่สงบและร่มรื่นเหมาะจะหนีจากเมืองไปพักผ่อน ซึ่งรอบๆ มี Camp Ground ให้เลือกเยอะมาก ถ้าจำไม่ผิดที่เราไปค้างชื่อ Halls Gap ชอบที่มีห้องเล่นซึ่งมีเตาผิงให้นั่งล้อมในคืนหนาวๆ แถมยังมีน้อนๆ เหล่านี้แวะมาหาถึงเต็นท์แบบที่ไม่ต้องไปสวนสัตว์ให้เสียเวลา
2.6 Mt.Buller
อันนี้แถม ตัวเราไม่ได้ไปเองแต่มีเพื่อนไปทำงานอยู่ที่สกีรีสอร์ทบน Mt.Buller ช่วงฤดูหิมะ สำหรับคนที่อยากเล่นสกี หรือสโนวบอร์ดฟรีลองสมัครไปทำงานที่นี่ดู ส่วนเรายอมแพ้ เป็นมนุษย์ไม่ทนหนาวจย้า
----------------------------------------------------
ติดตามบทความตอนต่อไปของคุณน้ำพลอยได้ทาง Thaiwahclub