วีซ่าทำงานฟาร์มที่จะออกใหม่นี้จะให้กับผู้ขอวีซ่าจาก 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อช่วยให้เจ้าของฟาร์มในออสเตรเลียเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แต่องค์กรการเกษตรยืนยันว่าจะยังไม่เชื่อถือข่าวนี้จนกว่าจะได้เห็นว่ามีการบังคับใช้จริง

ข้อตกลงนี้มีขึ้นพร้อมกับข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับประเทศอังกฤษซึ่งจะยกเลิกข้อบังคับที่ให้คนอังกฤษทำงานฟาร์มในออสเตรเลีย 88 วัน

นายกรัฐมนตรี Scott Morrison และ Boris Johnson กล่าวว่าวีซ่านี้เป็นวีซ่าระหว่างออสเตรเลียและอังกฤษมีขึ้นเพื่อคนทำงานฟาร์ม

สำนักข่าว ABC เผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าวีซ่าใหม่นี้เป็นผลมาจากการต่อรองระหว่างพรรคประชาชาติกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย

David Littleproud หัวหน้าพรรคประชาชาติยืนยันว่าวีซ่านี้จะให้กับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยซึ่งจะมีอินโดนีเซียเมียนมาร์เวียดนามสิงคโปร์ฟิลิปปินส์มาเลเซียไทยลาวบรูไนและกัมพูชาและกล่าวว่านายกรัฐมนตรีเคยให้สัญญาเรื่องวีซ่าการเกษตรกับสหภาพเกษตรกรแห่งชาติในปี 2019 ดังนั้นทางพรรคและสหภาพจึงยังคงคาดหวังในคำสัญญานั้นอยู่

ด้านFiona Simson ประธานสหภาพเกษตรกรแห่งชาติกล่าวว่ารัฐบาลให้สัญญามานานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำตามนั้น

David Littleproud กล่าวอีกว่าประเทศที่สนใจในวีซ่านี้จะต้องมาขอเข้าร่วมแต่จำนวนแรงงานที่จะได้วีซ่านั้นยังไม่แน่ชัด

แรงงานอังกฤษมีจำนวนถึง 1 ใน 4 ของแรงงานในฟาร์มมีคนอังกฤษปีละประมาณ 10,000 คนทำงานฟาร์มในออสเตรเลีย

คุณLittleproud กล่าวว่าวีซ่าใหม่จะต้องหาคนมาทำงานให้ได้ปีละมากกว่า 10,000 คนและมีระยะเวลา 3 ปีทำงานได้ 6-9 เดือนโดยต้องกลับประเทศบ้านเกิดปีละ 3 เดือนมีเงื่อนไขแตกต่างจากวีซ่า Pacific labour และ seasonal worker

ส่วนคุณ Simson บอกว่าในตอนนี้ยังไม่เชื่อมั่นว่าวีซ่าจะได้ออกมาเนื่องจากยังไม่มีการระบุรายละเอียดต่างๆและยังต้องรอมติคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการทบทวนการใช้จ่ายแต่การออกวีซ่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นมากสำหรับภาคการเกษตรและแผนที่จะนำแรงงานจากกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามานั้นก็สำคัญเช่นกันทั้งยังยินดีที่จะให้มีแรงงานในฟาร์มเพิ่มเติมด้วยแต่ในส่วนของเงื่อนไข 88 วันสำหรับคนอังกฤษที่ยกเลิกไปเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจตอนนี้เป็นเวลาที่รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องวีซ่าตามสัญญาแล้ว

คุณLittleproud กล่าวว่าวีซ่าใหม่จะมีการพิจารณาทบทวนหลังผ่านไป 5 ปีส่วนข้อตกลงเรื่องยกเลิกเงื่อนไขวีซ่า working holiday ที่ให้คนอังกฤษทำงานฟาร์มนั้นจะไม่บังคับใช้กับประเทศอื่นๆ

Source : abc.net.au