ข่าวสาร >
2021
September
23
เจ้าของฟาร์มสตรอว์เบอร์รีในออสเตรเลียเรียกร้องให้มีแรงงานตามฤดูกาลเพิ่ม
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 2402 คน )

แม้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียกำลังเร่งให้มีแรงงานตามฤดูกาลจากต่างประเทศเข้ามาทำงานฟาร์มให้มากขึ้นในช่วงปิดประเทศ แต่ก็ยังสายเกินไปสำหรับเจ้าของฟาร์มหลายคนที่ต้องทำลายผลผลิตในช่วงฤดูใบไม้ผลิไปถึงครึ่งหนึ่ง


Guido Ximenes เป็นแรงงานตามฤดูกาลอายุ 29 ปีจากประเทศติมอร์เลสเตที่ทำงานเก็บสตรอว์เบอร์รีในควีนส์แลนด์ เขาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเย็น เป็นการเก็บสตรอว์เบอร์รีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมเพื่อส่งไปยังตลาดและศูนย์การค้าทั่วประเทศ


คุณ Ximenes บอกว่าแม้จะเป็นงานหนักแต่ก็คุ้มค่า เขามีพี่น้องถึง 12 คนที่ต้องส่งเงินไปให้สร้างบ้านและเรียนหนังสือ ครอบครัวของคุณ Ximenes อาศัยอยู่ในเขต Ainaro ในติมอร์เลสเตซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟ กาแฟเป็นอุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งในเศรษฐกิจของติมอร์เลสเต และมีประชากรราวๆ 200,000 คนที่มีรายได้หลักจากการปลูกกาแฟ แต่สำหรับคนเก็บกาแฟนั้น มีรายได้เพียงเศษเสี้ยวเดียวของรายได้คนออสเตรเลีย คุณ Ximenes เองก็กล่าวว่าชอบทำงานในฟาร์มสตรอว์เบอร์รี


Ray Daniels เจ้าของฟาร์มสตรอว์เบอร์รีคิดว่าตนเองโชคดีที่ยังมีแรงงานตามฤดูกาลอยู่ถึง 50 คน เขาเป็นผู้ปลูกสตรอว์เบอร์รีรุ่นที่ 2 และปลูกไปแล้วถึง 4 ล้านต้นในพื้นที่ 2 ฟาร์ม แต่ก็ยังขาดแคลนแรงงานอยู่


“วันนี้น่าจะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 35 ตัน เป็นงานหนักมาก เราต้องการคนงาน 150 คน แต่ยังไงก็มีไม่ถึง”
คุณ Daniels กล่าวว่าคนงานในฟาร์มได้รับค่าจ้างเหมาะสม ส่วนคุณ Ximenes นั้นสามารถทำรายได้ก่อนหักภาษีประมาณ 2,300 เหรียญต่อสัปดาห์ หักค่าเช่าบ้านอีก 120 เหรียญ  


รัฐบาลกลางได้ประกาศเรื่องการปฏิรูปวีซ่า Pacific Labour Scheme และ Seasonal Worker Program ซึ่งจะทำให้นำแรงงานตามฤดูกาลจากประเทศในแปซิฟิกเข้ามาทำงานใน regional ได้ รัฐบาลกล่าวว่ามีชาวเกาะแปซิฟิกมากกว่า 27,000 คนที่พร้อมทำงานในออสเตรเลีย แต่ติดปัญหาเรื่องการกักตัวและการจำกัดจำนวนคนเข้าประเทศ
วีซ่าการเกษตรที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในฟาร์มออสเตรเลียนั้นจะเริ่มใช้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีแรงงานจากแปซิฟิกและติมอร์เข้ามาทำงานในออสเตรเลียมากกว่า 24,000 คน ทาง National Farmers Federation ให้การต้อนรับวีซ่าใหม่นี้ โดยทางสหภาพเองได้รณรงค์เรื่องนี้มาตลอดในช่วงหลายปีหลังมานี้


สหภาพ NFF ยังได้ขอความร่วมมือให้คนออสเตรเลียเข้ามาทำงานฟาร์มในช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ผลิให้มากขึ้นด้วย โดยประธานสหภาพกล่าวว่า แม้เจ้าของฟาร์มจะพยายามหาคนงานอย่างหนักแล้ว แต่ฟาร์มเหล่านี้มักอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงต้องพึ่งแรงงานจากประเทศอื่นมาทำงานเกษตร อีกทั้งแรงงานเหล่านี้ยินดีทำงานในออสเตรเลียและขยันด้วย เพราะได้รับรายได้เพียงพอที่จะส่งกลับไปให้ครอบครัว


เกือบครึ่งของผลผลิตสตรอว์เบอร์รีที่มีมูลค่า 430 ล้านเหรียญต่อปีมาจากควีนส์แลนด์ และเดือนกันยายนคือฤดูเก็บเกี่ยวที่ยุ่งที่สุด แต่การขาดแคลนแรงงานไม่ใช่ปัญหาเดียวที่เจ้าของฟาร์มต้องเผชิญ โดยเฉพาะผู้ปลูกสตรอว์เบอร์รีนั้นต้องลำบากหนักมากในช่วงปีหลังๆมานี้ ทั้งปัญหาภัยแล้งและเรื่องเข็มในผลไม้ด้วย คุณ Daniels เล่าว่าโดนผลกระทบจากวิกฤติเข็มครั้งนั้นไปถึง 4 ล้านเหรียญ ทำให้ขาดทุนและต้องพยายามหารายได้กลับมา พอจะหวังพึ่งผลผลิตฤดูใบไม้ผลิซึ่งอุดมสมบูรณ์เพื่อจะจ่ายหนี้ ก็กลับต้องเผชิญปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งเนื่องมาจากการสั่งซื้อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น และการปิดร้านอาหารกับคาเฟ่ในระหว่างล็อกดาวน์ในซิดนีย์กับเมลเบิร์น ตอนนี้คุณ Daniels เป็น 1 ในเจ้าของฟาร์มหลายคนที่ต้องกำจัดผลผลิตทิ้งไป


ส่วนในฟาร์มสตรอว์เบอร์รีใกล้เคียงกันนั้น Adrian Schultz ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มก็กำลังทำเช่นเดียวกัน เขากล่าวว่าเขากับภรรยาจำใจต้องสูญเสียสตรอว์เบอร์รีไปกว่า 42,000 ต้นซึ่งนับเป็นผลผลิตถึงครึ่งหนึ่งของฟาร์ม และคุณ Schultz ก็เป็นประธาน Queensland Strawberry Growers Association ด้วย เขากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำใจยากมาก แต่จำเป็นต้องทำ ไม่อย่างนั้นก็คงหมดตัว


National Farmers Federation กล่าวว่าราคาผักและผลไม้ฤดูร้อนอาจจะพุ่งสูงขึ้น เนื่องมาจากการขาดแคลนแรงงานและการปิดพรมแดนรัฐ หากไม่สามารถหาแรงงานมาเก็บผลไม้ได้ พาคนงานข้ามรัฐไม่ได้ และรถขนส่งวิ่งไม่ได้ สินค้าก็จะขาดตลาด ทำให้ราคาขายเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความอยู่รอดของเจ้าของฟาร์มและชุมชนในชนบทและเขต regional ที่ต้องพึ่งพาธุรกิจเล็กๆเหล่านี้


คุณ Schultz ทำได้แค่ขอร้องให้คนช่วยซื้อสตรอว์เบอร์รีให้มากขึ้นสักนิด
“ช่วยซื้อกลับบ้านสัก 2 กิโล แล้วแช่ไว้ในช่องแช่แข็งก็พอครับ”

Source : sbs.com.au