ศาลสูงออสเตรเลียยืนยันคำสั่งศาลที่ออกมาในเดือนตุลาคม 2019 ซึ่งระบุว่า ไม่อาจให้มีการเรียกเก็บภาษี backpacker จากประชาชนที่มาจากประเทศอื่นบางประเทศ โดยคำสั่งศาลนี้จะมีผลกระทบต่อการเก็บภาษีจาก backpacker ในออสเตรเลียในอนาคต
ภาษี backpacker เริ่มมีขึ้นในเดือนมกราคม 2017 โดยยกเลิกฐานรายได้ที่ 18,200 เหรียญ ของ backpacker ที่อยู่ในออสเตรเลียโดยถือวีซ่า Working Holiday 417 หรือ 462 แล้วเปลี่ยนเป็นอัตราภาษี 15% จากรายได้รวมไม่เกิน 37,000 เหรียญ ทั้งยังมีอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นสำหรับยอดรวมรายได้ที่สูงกว่า 37,000 เหรียญด้วย สรุปก็คือ backpacker ถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าผู้มีสัญชาติออสเตรเลีย
หลังจากมีการเก็บภาษี backpacker จำนวน backpacker ในออสเตรเลียเริ่มลดลง สร้างความลำบากให้ฟาร์มและธุรกิจต่างๆใน regional ที่ต้องการคนงานตามฤดูกาล
Federal Court ในบริสเบนมีคำสั่งห้ามไม่ให้เก็บภาษี backpacker จากคนอังกฤษ อเมริกา เยอรมนี ฟินแลนด์ ชิลี ญี่ปุ่น นอร์เวย์ และตุรกี โดยคนที่มาจากประเทศเหล่านี้คิดเป็นจำนวนราว 50% ของผู้ที่เดินทางเข้าออสเตรเลียด้วยวีซ่า Working Holiday 417 หรือ 462
ในเดือนตุลาคม 2019 ศาลออสเตรเลียพบว่าภาษีนี้เป็นการละเมิดกฎหมายมาตราห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นสนธิสัญญาด้านภาษีที่ออสเตรเลียลงนามร่วมกับประเทศต่างๆข้างต้น แม้ว่าต่อมาหน่วยงาน ATO ยื่นอุทธรณ์ต่อคำสั่งศาลได้สำเร็จ แต่ศาลสูงยืนยันแล้วว่าต้องยึดตามคำสั่งศาลเดิม
Joanna Murphy ซีอีโอของ Taxback.com ยินดีต่อคำพิพากษานี้ โดยกล่าวว่า เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าภาษีนี้ละเมิดข้อตกลงด้านภาษีกับหลายประเทศ และยังทำลายชื่อเสียงของออสเตรเลียในฐานะประเทศปลายทางสำหรับ working holiday อีกด้วย คณะผู้พิพากษาได้สนับสนุนคำสั่งศาลที่ห้ามไม่ให้เก็บภาษี backpacker และย้ำว่าต้องมีการปกป้องประชาชนจากต่างประเทศที่เลือกมาทำงานและท่องเที่ยวในออสเตรเลีย
คาดว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะเริ่มยกเลิกการเก็บภาษีให้กับบางประเทศที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะถือเป็นเคสตัวอย่างที่มีผลกับเคสต่อๆไป เนื่องด้วยถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ประเทศใดจะคิดภาษีประเทศอื่นๆที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกันแตกต่างกันออกไป และคาดว่าคำสั่งศาลนี้จะเปิดทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือวีซ่า working holiday หลายพันคนที่เดินทางเข้าออสเตรเลียในแต่ละปีด้วย
Source : taxback.com