คำถามนี้น่าจะมีหลายคนสนใจครับ ผมสรุปคำตอบและสิ่งที่ต้องรู้ไว้ให้เป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. ถ้าตอบสั้นๆคือได้ครับ แต่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะแนะนำให้อ่านต่อ
2. การขอโควต้า Work and Holiday แยก process เป็น 2 ขั้นตอนหลักๆคือ รอบ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และรอบสถานทูต
สองรอบนี้ใช้เอกสารเกือบเหมือนกัน จะต่างกันเยอะตรงหลักฐานการเงิน
3. รอบดย. นี่เรามีหลักฐานการเงินหลังกดโควต้าได้แล้วก็ได้ (อ้างอิงจากของปี 2017)
และตอนสัมภาษณ์และตรวจเอกสารกับทางดย. เราต้องมีเงินครบที่กำหนดแล้ว
4. รอบดย. นี่เค้าไม่ดูเงินย้อนหลัง นั่นคือบางคนถามว่าเงินเข้าได้เลย เค้าจะถามอะไรมั้ย
ดย.ไม่ถามครับ ขอเงินครบตามที่กำหนดก็พอ และต้องเป็นบัญชีของตัวเองเท่านั้น
5. รอบสถานทูต : สถานทูตออสเตรเลียขอดูเงินย้อนหลัง 6 เดือน
และ transactions ใดๆที่ไม่ปกติก็ควรต้องอธิบายไป
6. ใช้คำว่า ควร เพราะว่าสถานทูตไม่ได้บังคับ ยื่นมาเถิด
ถ้าเอกสารดีก็ผ่านเลยได้ ถ้าไม่ดีและเหตุผลพอที่จะรีเจค จะรีเจคเลยก็ได้ หรืออาจจะขอข้อมูลเพิ่มเติมให้โอกาสอธิบายก็ได้
7. นั่นแปลว่าควรมีการอธิบายเข้าไปให้เรียบร้อยแต่แรกครับ เกินดีกว่าขาดเสมอ สำหรับเรื่องวีซ่า (ขี้เกียจยื่นตอนนี้ รอสถานทูตขอดีกว่า อะไรแบบนั้นจะไม่แนะนำ)
8. สิ่งที่สถานทูตอยากได้ปกติคือตอบโจทย์ว่า
- เงินครบมั้ย
- เงิน consistent มั้ย มีมานานหรือยัง
- เงินเข้ามาจากไหน
- ถ้ามี sponsor ใครเป็น sponsor เค้าเกี่ยวข้องอะไรกับเรา เค้าทำงานอะไร เค้ามีเงินเท่าไหร่ เค้าโอนมาให้เราเเล้วเค้าจะเหลือเท่าไหร่ (ยกตัวอย่างสองเคส
8.1 เป็นคุณแม่มีเงินล้านนึงค้างบัญชีมาสิบปี โอนให้ลูก 2 แสนบาท เหลือ 8 แสนบาท ทำงานเป็นเจ้าของบริษัท จดทะเบียนมาแล้ว 5 ปี แนบบัญชีบริษัทมีเงินอีก 5 แสนบาท
8.2 เป็นคุณลุงที่รุ้จักกันไม่ใช่ญาติหรอก นับถือกันเป็นลุงน่ะนะ บ้านอยู่ใกล้กัน
อยู่ๆแกเกิดอยากจะมา support ความฝันให้เราไปเมืองนอก เเกเลยเอาบัญชีมีเงิน 2 แสนมา support เรา โอนให้เรา 1.5 แสน เหลือใช้เอง 5 หมื่น
คุณลุงไม่ได้ทำงานอะไร อยู่บ้านเฉยๆ
ถ้าดูจากสองเคสแบบนี้ (extreme นิดนึง เพราะอยากให้เห็นภาพ) แบบ 8.1 ก็จะดูดีกว่าครับ
9. เรื่องหลักฐานการเงินเป็นเรื่องหลัก แต่ก็ใช่ว่าจะการันตีว่าวีซ่าจะต้องผ่านทุกคนครับ มีอีกหลายๆเรื่องที่ต้องพิจารณา
10. เข้าไปดูขั้นตอนการยื่นวีซ่าของปี 2017 มีอธิบายเรืองการเงินไว้เป็นตัวอย่างจากทาง Thaiwahclub และรุ่นพี่ครับ