บล็อคอัพเดทล่าสุด

ตอน โดนค้นที่ด่านตรวจ

พอลงจากเครื่องแล้วไปทางไหนต่อเนี่ย มองป้ายแล้ว ก็อาศัยเดินตามคนอื่นไป จนไปถึงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านนี้เค้าก็จะตรวจ passport กับ visa ใครตรวจเสร็จไม่มีปัญหาก็เดินตรงผ่านด่านออกไปรับกระเป๋าได้เลย พอมาถึงตาเราเค้าก็ตรวจดูเอกสารตรวจไปมองหน้าไป เราก็คิดในใจ เอาแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ แล้วก็มีจริงๆด้วย ฮือๆ เค้าก็บอกให้ไปเอากระเป๋า แล้วมานั่งรอเจ้าหน้าที่ที่ห้องตรวจค้น อ้าว งานเข้าแล้วไหมหละ แต่ก็ทำใจมาแล้วว่าเป็นผู้หญิงไทย ก็อาจจะต้องมีปํญหาอย่างที่หลายๆคนทราบว่า มีหญิงไทยมากมายที่มาขายตัวที่นี่ ตายแน่ที่นี้ ฟังเค้าพูดก็ไม่ค่อยจะทันอยู่แล้วทีนี้ต้องให้มานั่งตอบคำถาม ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาหา เป็นคุณลุงแก่ หน้าตาใจดี พุงใหญ่ๆ เหมือนลุงที่ยืนอยู่หน้า kfc เลย แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี จะเอาหนูไปทำอะไรค๊า ฮือๆๆ พอแกมาถึงแกก็ยิ้มให้และทักทายอย่างเป็นมิตร ทำให้อาการเกร็งลดลงไปบ้าง แกก็พาเราเข้าไปไหนห้องแล้วก็ค้นกระเป๋าเราอย่างละเอียด มากๆๆๆ

ทุกซอกทุกมุมถ้าแกแยกกระเป๋าเป็นชิ้นๆได้ แกคงทำไปแล้ว ตอนเก็บกระเป๋า เก็บตั้งหลายวัน แต่ตอนแกรื้อแค่แป๊ปเดียวเอง เจอสมุดบันทึกแกก็ยังจะเปิดดู คงจะรู้เรื่องหรอก ฮึ ภาษาไทยทั้งนั้น ตรวจเสร็จก็ไปนั่งคุยที่โต๊ะ แกถามไปก็พิมพ์เก็บข้อมูลไป คำถามก็จะเป็นประมาณว่า มาทำไม มาเรียนอะไร โรงเรียนไหน เรียนคอรสอะไร จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ ตอนอยู่ไทยทำอะไรบ้าง เรียบจบแล้วคิดจะทำอะไร จะอยู่ต่อไหม ตั้งใจจะมาทำงานหรือป่าว นี่คือเท่าที่จำได้นะเนี่ย ยังมีอีกเยอะ แล้วแกก็อธิบายให้ฟังว่าstudent visa เนี่ยทำงานไม่ได้นะ มันผิดกฎหมาย สงสัยจะมีคนแอบทำเยอะ แกเลยเน้นเป็นพิเศษ เราก็ yes, no, ok ไป เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง สงสารเค้าด้วย ต้องมาสัมภาษณ์เรา ต้องพูดซ้ำไปซ้ำมา เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆก็เสร็จเรียบร้อย พอเสร็จลุงแกก็ถามว่า จะไปไหนต่อ แล้วจะไปยังไง เราก็ เออ…someone come here to เออ… see meเราอยากจะบอกว่ามีคนมารับเรา แกคงจะเข้าใจ เลยพาเราไปที่เค้ารับผู้โดยสารกัน มองไป มองมา ก็ไม่เห็นมีใครเลย ลุงแกก็แสนจะใจดีอยู่กับเราตลอด รอซักพักก็ไม่มีใครมารับ ตอนนั้นก็เริ่มจะมองหาที่นอนแล้ว เผื่อไม่มีใครมารับ โถ… ชีวิตจากอกพ่ออกแม่มาครั้งแรก จะต้องมานอนสนามบินแล้วหรือเนี่ย ลุงแกคิดว่าคงจะหาไม่เจอกันง่ายๆ ลุงเลยขอชื่อ นามสกุล เราไป แล้วแกก็ไปประกาศออกไมค์ ตึง ตึ่ง ตึง ตึ๊ง เหมือนในห้างบ้านเราเลย ไม่รู้จะภูมิใจ หรือจะอายดี ถึงวันแรกก็มีคนประกาศชื่อออกไมค์ที่สนามบิน กร๊าก รออยู่ครึ่งชั่วโมงก็เห็นป้าแก่ๆคนหนึ่งมากับลุงเจ้าหน้าที่ ก็ปรากฏว่า ป้าคนนี้คือ host mum( เจ้าของบ้านที่เราจะไปอยู่ด้วย)ของเรา ป้าบอกว่าป้ารอนานมาก ไม่เห็นออกมาซักที ก็แน่หละ เล่นตรวจซะละเอียดขนาดนั้น มันก็ต้องนานแหละป้าจ๋า แล้วป้าแกก็บ่นๆอะไรอีกไม่รู้ ฟังไม่ค่อยทัน แต่จับได้คร่าวๆว่าเรื่องค่าจอดรถ หรือไงเนี่ยแล้วก็จะต้องขับรถไปอีก 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองTimaru พอถึงแล้วจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แต่ก็สู้ตายค่ะ

Timaruเป็นเมืองขนาดกลาง หน้าติดทะเล หลังเป็นภูเขา สวยมาก หิมะตกบนยอดเขา ได้บรรยากาศสุดๆ และ มีทุกอย่างที่เป็นสิ่งจำเป็น Supermarket ,School,Hospital , Movie max,Airport etc.พลเมืองประมาณ30,000คนอยู่กันอย่างเงียบๆ สามทุ่มก็ปิดบ้าน นอนกันหมดแล้ว ร้านค้าทั่วไปในเมืองก็ปิดตั้งแต่ห้าโมง นอกจากร้านที่ขายเหล้า ก็จัดว่าเป็นเมืองที่น่าเบื่อถ้าจะต้องอยู่นานๆแต่ก็รับประกันความสวย ว่าสวยมากๆๆ ตอนต่อไปจะเล่าเรื่องโฮมสเตย์ให้ฟัง

Posted : Sep 8, 2014 , 11:55:06 PM     View : 13971