Community Zone
ขั้นตอนการยื่นขอหนังสือรับรองคุณสมบัติและยื่นวีซ่า Work and Holiday 2013
โดย : zgamez   (12 June 2013) จำนวนผู้เข้าชม 19217 คน

ขั้นตอนการยื่นขอหนังสือรับรองคุณสมบัติและยื่นวีซ่า Work and Holiday 2013

Updated 12/6/2013

เรื่อง เอกสารต่างๆนี่ค่อนข้างละเอียดมากโดยเฉพาะในขั้นตอนของสถานทูตออสเตรเลียนะ ครับ ดังนั้นขอให้ดูเอกสารกันดีๆ มั่นใจแล้วเอกสารพร้อมจริงๆจึงค่อยยื่นกันนะครับ โดยสามารถอ่านข้อมูลสำหรับการยื่นเอกสารทั้งสองขั้นตอนได้ในบทความนี้เลย

ทั้ง นี้ทั้งนั้น ถ้าสงสัยอะไรสามารถเมลล์ถามผมได้โดยตรงครับที่ info@thaiwahclub.com และเวลาทางเวปมีจัดงานให้ข้อมูลกันก็แนะนำให้ไปฟังกัน จะได้รู้จักเพื่อนๆ และได้รับและสอบถามข้อมูลกันเพิ่มเติมได้ครับ


เช่นเดียวกันกับทุกๆปี การจะได้วีซ่า Work and Holiday Australia นั้นจะต้องมีขั้นตอนหลักๆสองขั้นตอนคือ

1. การขอหนังสือรับรองคุณสมบัติจากสท. (ซึ่งต้องผ่านการสมัครออนไลน์มาก่อน ขั้นตอนการสมัคร WAH 2013 (Online) และการยื่นเอกสารและสัมภาษณ์ (ซึ่งปกติแล้วทางสท.ใจดีจะไม่ได้สัมภาษณ์แบบซีเรียสมาก พูดคุยกันทั่วไป ถ้าเอกสารและคุณสมบัติครบถ้วนก็ให้ผ่านครับ)
2. การขอวีซ่าจากสถานทูต (ทางสถานทูตอาจจะสัมภาษณ์หรือไม่สัมภาษณ์เราก็ได้ครับ อยู่ที่ว่าหลักฐานเราพร้อมขนาดไหน ถ้าหลักฐานเราครบ เรายื่นอธิบายทุกอย่างไปแล้ว เอกสารไม่ขาดก็มักจะไม่โดนสัมภาษณ์ ในกรณีที่โดนสัมภาษณ์จะเป็นทางโทรศัพท์ครับ หรือทางเจ้าหน้าที่อาจจะเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมทางอีเมลล์)

ซึ่งทั้ง สองขั้นตอนจะใช้เอกสารค่อนข้างจะคล้ายๆกันเพียงว่า ขั้นตอนการยื่นวีซ่าหลักฐานจะค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่าเยอะ และหลักฐานต่างๆที่เป็นภาษาไทยจะต้องแปลให้เป็นภาษาอังกฤษด้วยครับ

หลักฐานการยื่นขอหนังสือรับรองคุณสมบัติจาก สท.
อ้างอิงจากที่สท.ให้ไว้ หลักฐานสำหรับขอใบรับรองจากสท.จะมี 11 รายการดังต่อไปนี้ครับ
(ตัวจริงพร้อมสำเนา และให้เซ็นร้บรองสำเนาทุกฉบับที่นำไปด้วยครับ)
1. ใบสมัครพร้อมรูปถ่าย (พิมพ์มาจากการสมัครเข้าทางออนไลน์)
2. ปริญญาบัตร/ใบรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี พร้อมสำเนา 1 ชุด
3. ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) พร้อมสำเนา 1 ชุด
4. หนังสือเดินทาง มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน พร้อมสำเนา 1 ชุด
5. บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด
6. ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา 1 ชุด
7. หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใช้งานได้ โดยแนบหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใด คือ


1) ผลการสอบ IELTS (ประเภทใดก็ได้) ไม่ต่ำกว่า 4.5 มีอายุไม่เกิน 2 ปี หรือ
2) ผลการสอบ TOEFL มีอายุไม่เกิน 2 ปี ระดับคะแนน หรือ
- 133 on a computer based test
- 450 on a paper based test
- 45 – 46 on an internet-based test
3) ใบรับรอง หรือประกาศนียบัตรที่แสดงว่าได้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีระยะเวลา 2 ปี จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
4) หลักฐานการจบระดับประถมศึกษา (Primary) และมัธยมศึกษา (3 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
5) หลักฐานที่แสดงว่าได้ศึกษาระดับมัธยมศึกษา 5 ปี (5 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
6) สำเร็จการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียหลักสูตร 1 ปี ในระดับปริญญาบัตรหรือ
ประกาศนียบัตร
8. หลักฐานทางการเงิน (ของผู้เดินทาง) ไม่น้อยกว่า 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เป็น Bank
Statement หรือใบรับรองทางการของบัญชีเงินฝากจากธนาคาร : ผมคุยกับพี่พี่ที่สท.มา พี่เค้าแนะนำให้นำสมุดบัญชีตัวจริงไปด้วยในวันสัมภาษณ์ครับ
9. บันทึกข้อตกลงที่ผู้ปกครองลงนามเรียบร้อยแล้ว (พิมพ์มาจากการสมัครเข้าทางออนไลน์)
10. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ปกครอง
11. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง



**ข้อ 10 และ 11 ให้ผู้ปกครองเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วยนะครับ : เซ็นเป็นภาษาอะไรก็ได้ครับ**
**ในรอบของสท.ไม่มีการแปลเอกสารแต่อย่างใด**
**ข้อมูลที่กรอกไปในบันทึกข้อตกลงหรือใบสมัครมีการเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดไป ได้ แต่ไม่ต้องแก้ไขหากมีอะไรผิดพลาด ไว้ไปแก้ที่สท.โดยแจ้งเจ้าหน้าที่เลยครับ **
**หลักฐานทุกอย่างให้นำตัวจริงและ Copy ไปด้วยครับ : ยกเว้นหลักฐานของผู้ปกครองที่มีการอลุ้มอล่วยให้**

**มี หลักฐานสองชิ้นที่ปรินต์ต้องปรินต์มาจากระบบหลักจากสมัครออนไลน์ได้แล้วคือ ใบสมัคร และ ใบบันทึกข้อตกลง - ใบบันทึกข้อตกลงอย่าลืมให้ผุ้ปกครองเซ็นด้วยนะครับ**
**แผนการเดินทางผมแนะนำว่าให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษไปเลย เพราะรอบสถานทูตก้ต้องใช้ครับ**


เมื่อยื่นเอกสารกับทางสท.และทำการสัมภาษณ์แล้วก็จะสามารถไปรับใบรับรองได้ ภายในประมาณ 4 วันทำการ จากนั้นเราก็นำหลักฐานไปยื่นวีซ่าได้ครับ

=======================================================================================================

หลักฐานการยื่นวีซ่า

1. Work and Holiday Application Checklist ใช้ใบนี้แปะหน้าเอกสารอื่นๆที่เราจะยื่นกับทาง VFS เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจเชคเอกสารได้ง่าย และสะดวกกับเราเองด้วยที่จะตรวจว่าเอกสารครบมั้ย
2. แบบฟอร์ม 1208 (Work and Holiday Visa) ทีกรอกเรียบร้อยแล้ว ดาวน์โหลดได้จากเวป Immigration ครับ Form 1208
(ฟอร์มจาก web immigration ที่เราต้องใช้ จะต้องเป็นฟอร์มล่าสุดจากในลิงค์ข้างต้นครับ
สำหรับตอนนี้ (30/4/2013) - จะเขียนด้านล่างว่า Design date 03/13 นะครับ)
ดังนั้นดูรายละเอียดการกรอกแบบคร่าวๆได้ใน
การกรอกฟอร์ม 1208

**เพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอก 1208:
- กรอกหรือพิมพ์จาก pdf ก็ได้ แต่พิมพ์จะดีกว่า เพราะจะอ่านง่ายและจะได้ไม่มีการเข้าใจผิดในเรื่องของลายมือครับ
- ไม่จำเป็นต้องพิมพ์หรือกรอกเป็น Capital Letters ทั้งหมด - ที่เค้าบอกว่าให้เป็น block letters เพราะจะให้อ่านง่ายหากใช้มือกรอกครับ
- ใช้ปากกาดำหรือน้ำเงินก็ได้ครับ


3. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 356 AUD หรือ 12,050 บาท(30/4/2013) หรือเชคได้ในเวป vfs

โดยเราสามารถซื้อ Cheque ได้กับทาง VFS เลยครับ : (สรุปว่าไปจ่ายเป็นเงินสดที่ VFS ได้นั่นแล)
หรือ ถ้าซื้อจะซื้อกับธนาคารมาล่วงหน้า สามารถชำระเป็น Cashier’s cheque หรือ Bank Draft ที่ซื้อจากธนาคารในกรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี หรือจ.สมุทรปราการ สั่งจ่าย “Australian Embassy Bangkok”

[ ตรงนี้ห้ามสะกดผิดเลยะนะครับ ถ้าผิดจะต้องไปยื่น Bank Draft เข้าไปยื่นใหม่อีกรอบ และนำใบเก่ากลับไปเคลมเงินคืนเป็นที่วุ่นวาย ]

**Bank draft เองจะสะดวกดีในกรณีที่เราไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง เพราะจะได้ไม่ต้องให้คนอื่นถือเงินสดไปครับ**
4. Passport ตัวจริงพร้อมสำเนา
5. ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรที่มีชื่อทั้งบิดาและมารดาของผุ้สมัคร (เลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง) : ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรนี่ยังไงก็เป็นภาษาไทยอยู่แล้วดังนั้นต้องแปลไปด้วย นะครับ

ฟอร์มการแปลทะเบียนบ้าน
ตัวอย่างการแปลทะเบียนบ้าน
6. ใบเปลี่ยนชื่อ ในกรณีที่เราได้มีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลเราต้องแจ้งไว้ให้ทางสถานทูต ทราบใน Form 1208 และต้องแนบใบเปลี่ยนชื่อพร้อมใบแปลมาด้วยครับ
7. รูปถ่ายขาวดำหรือสีขนาด 2 นิ้ว (45x35 mm) จำนวน 2 รูป : เซ็นลายมือชื่อ(ตัวบรรจง)เราด้านหลังทั้งสองรูปด้วย ดู spec ของรูปจากเวป VFS
8. หลักฐานผลภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น IELTS / TOEFL หรือผลการเรียนอินเตอร์ ยื่นตัวจริงไปเลยก็ดีครับ
ใบรับรองว่าเรียนเป็น English Program
9. หลักฐานการศึกษา : แนะนำว่าให้ยื่นไปทั้ง Transcript และใบรับรองจบ ไปทั้งสองใบเลยครับ
ในกรณีที่มหาวิทยาลัยไหนออกใบรับรองหรือ Transcript มาเป็นภาษาไทย แนะนำให้ไปขอเวอร์ชันภาษาอังกฤษจากทางมหาวิทยาลัยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ (เพราะถ้าเอกสารที่เป็นภาษาไทยจะส่งไป ก็ต้องมีเวอร์ชันแปลส่งไปด้วย และเอกสารอย่าง transcript นี่แปลค่อนข้างยากครับ )


10. หลักฐานการเงิน บัญชีออมทรัพย์ ที่มีเงิน 5,000 AUD ใช้เป็น Bank guarantee หรือ Bank Statement โดยควรจะมีรายละเอียดคือ
- เลขบัญชี , ชื่อเจ้าของบัญชี, จำนวนเงินที่มี, อัตราแลกเปลี่ยน และ stamp และ letter head ของแบงค์นั้นๆ
ดูตัวอย่างได้จากนี่ครับ ตัวอย่าง Bank Guaratee

**ไม่แนะนำให้นำเงินออกจนมีเงินต่ำกว่า 5000 AUD หลังจากขอ Bank Guarantee มาครับ**

**ใบรับรองทางการเงินหรือ Bank Guarantee ต้องเป็นภาษาอังกฤษ และมีอายุไม่เกิน 1 เดือน**

หลักฐานทางการเงินที่ผมแนะนำว่าควรแนบไปด้วยสำหรับการยื่นวีซ่า Work and Holiday Australia ครับ

1) สมุดบัญชีตัวจริง : อัพเดทล่าสุด ย้อนหลังหกเดือน
สำหรับสมุดบัญชีตัวจริงนี้ ถ้าเป็นวีซ่าอื่น เช่น วีซ่านักเรียน ทางสถานทูตของตัวจริงมาตั้งนานแล้วครับ สำหรับ Work and Holiday Visa เองสถานทูตเริ่มขอบุคตัวจริงมาตั้งแต่ปี 2011 และผมแนะนำว่าถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ยื่นไปด้วยเลยดีกว่าครับสำหรับสมุดบัญชีตัวจริง


2) หลักฐานที่มาของเงิน : ทางสถานทูตจะดูว่าเรา transcation เป็นยังไงในช่วงหกเดือนหลัง (transaction history) หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา เค้าก็จะขอให้เราอธิบายที่มาของเงินเหล่านั้นพร้อมแนบหลักฐานไปด้วยครับ (Evidence of source of sudden fund and explanation)

วิธี ดูง่ายๆ ว่าเราควรจะต้องแนบหลักฐานหรือต้องอธิบายที่มาของเงินมั้ยด้วยตัวเองก็คือ ดูว่าการเข้าออก และเงินที่คงอยู่โดยทั่วไปมีเท่าไหร่ ถ้าเรามี 2 แสนมาตั้งแต่ 6 เดือนก่อน และมีเงินเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร (แค่อาจจะเขียนอธิบายให้เข้าใจว่าเงินที่อยู่ในบัญชีมีที่มาจากที่ไหน เช่น เป็นเงินเก็บ)
แต่หากว่า เรามีเงินหมุนเวียนอยู่สัก 1-2 หมื่นบาท แต่ก่อนจะยื่นวีซ่ามีเงินโอนเข้ามาอีก 1.5 แสน โดยไม่ว่าจะโอนเข้ามาทีละ 5 หมื่นบาทสามก้อน หรือจะโอนมา 1.5 แสนทีเดียว เราก็จะต้อ
งอธิบายให้ทางสถานทูตฟังได้ โดยมีหลักฐานที่เชื่อถือได้แนบไปด้วยครับ

หลักฐานที่ควรแนบไปเพื่ออธิบายการเข้ามาของเงินก้อนใหญ่
2.1 จดหมายอธิบายจากคนที่โอนเงินให้ว่า เค้าโอนให้เราเพราะอะไร ทำไม เมื่อไหร่ยังไง จากบัญชีไหน ไปบัญชีไหน เค้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเรา

2.2 จม.อธิบายที่มาของเงินที่เราเขียนอธิบายเองว่า เงินในบัญชีเข้ามาจากที่ไหน
ด้านล่างเป็นตัวอย่างจม. Evidence of source of funds ของคุณ Punz Thestar นักเรียน IELTS รุ่นแรกสุดของผมครับ :)


Evidence of source of funds
BANK OF AYUDHYA
Name of Account Mr Punz
Account No. 15X-1-30760-X

My main income is from XX Company Limited that I have been working as a full time employee in position Marketing Officer since 18 May 2009 (X Bath) with transfers to my saving bank account (15X-1-30760-X) every month (day 28th). So I

27/07/11 Received bonus and salary amount 3X,070 Baht.
24/08/11 Received gift 13X,000 for Work and Holiday in Australia from
Mr X, my older brother who is my guardian.

Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income by following;
- Savings account passbook
(BANK OF AYUDHYA Account No. 15X-1-30760-X)
- Employment letter.
If you would like any further information, please don't hesitate to contact me.

Yours faithfully,

Mr X

**ที่ สำคัญที่ต้องเน้นเลย คือตย.จม.นี่ให้ไว้สำหรับเป็นตัวอย่างเฉยๆนะครับ ไม่สามารถก้อปปี้ไปได้ เพราะแต่ละคนรายละเอียดจะต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่โอนเงินให้ หลักฐานที่มาขอเงินของคนที่โอนให้ ความสัมพันธ์กับคนที่โอนให้**
2.3 copy ของสมุดบัญชีของผู้ที่โอนเงิน / ถ้ามีหลักฐานการทำงาน ที่มาของรายได้ขอคนที่โอนให้เราได้ก็จะยิ่งดีครับ
2.4 copy ID card (บัตรประชาชน / Passport ) ของบุคคลในข้อ 2.1



11. แผนการเดินทางโดยคร่าว ๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย
เขียนแผนการเดินทางเป็นภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 โดยประมาณ
เขียนคร่าวๆว่าเราจะไปทำอะไรบ้างที่ไหนยังไง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการเดินทางได้ใน
เขียนอะไรดีในแผนการเดินทาง

แผน การเดินทางโดยทั่วไปของสถานทูตจะทำหน้าที่คล้ายๆ Statement of Purpose กลายๆว่าเราเป้นใคร จะไปทำอะไรที่ไหนยังไงบ้าง ดังนั้นการอธิบายเกี่ยวกับตัวเราให้ละเอียด และสอดคล้องกับหลักฐานที่เรามีก็เป้นการช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น ครับ
12. หนังสือให้ความยินยอมจากผู้ปกครองเป็นภาษาอังกฤษ (Parent Permission Letter)
Download และดูวิธีการกรอก Parent Permission Letter
13. สำเนาบัตรประชาชนของผู้สมัคร
14. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง :ใช้แค่ของคนที่เซ็น Parent Permission Letter นะครับ เช่นถ้าคุณแม่เซ็น ของคุณพ่อก็ไม่ต้องแนบไป
โดยจะต้องมีเวอร์ชันแปลแนบไปด้วย ดูตัวอย่างได้ในนี้ครับ
ตัวอย่างการเเปล บัตรประชาชน :แบบเก่า และ

ตัวอย่างการแปลบัตรประชาชนแบบ Smartcard

15. หนังสือรับรองตัวจริงจากทางสท.
16. สำหรับผู้ชายจะมีหลักฐานที่บอกว่าผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วหรือเรียนรด.แล้วที่ต้องยื่นไปด้วยครับ
แต่ละคนที่เรียนรด.มาแล้วจะได้ สด. 8 หรือ สด. 9 (ต่างกันยังไงผมก็ไม่แน่ใจ) และคนที่ไม่เรียนแต่ผ่านการคัดเลือกทหารแล้วจะมีใบ สด. 43 ครับ
ดูรายละเอียดการแปลของเอกสารทางการทหารได้จากด้านล่างครับ
ตัวอย่างการแปล สด. 8
ตัวอย่างการแปล สด. 43
(มีสด. 9 ด้วย เดี๋ยวผมไปโหลดมาให้อีกทีครับ)
17. หลักฐานเกี่ยวกับการประกัน : ก่อนหน้านี้จะมี condition ในวีซ่าที่บอกไว้เลยว่าเราต้องมีประกันตลอดระยะเวลาการเดินทางด้วย แต่หลังๆนี้สถานทูตนำออกไปแล้วครับ ดังนั้นจะไม่มีก็ได้ อย่างไรก้ตามผมแนะนำให้มีไปด้วยเลยครับ เพราะจะมีกรณีที่ไม่ได้ยื่นไปแล้วทางสถานทูตขอเพิ่มมาก้มีครับ

เกร็ดความรู้เรื่องประกันสุขภาพ

รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH 2011

18.หลักฐานการทำงาน เช่น จดหมายรับรองการทำงานก็เป็นหลักฐานที่ควรแนบไปด้วยครับ

การเซ็นรับรองเอกสาร
- เราสามารถเซ็นรับรองเอกสารว่า "รับรองสำเนาถูกต้อง" หรือ "Certified True Copy" ได้ด้วยตัวเองครับ แนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ดีครับ และให้เซ็นเหมือนกับที่เซ็นไว้ใน Passport (ภาษาใดก็ได้)
- เอกสารของใครก็ให้คนนั้นรับรองครับ เช่น บัตรประชาชนคุณแม่ คุณแม่ก็ต้องเป็นคนเซ็น
การแปลเอกสาร

- อ้างอิงจากกติกาที่แล้วเรา เราสามารถแปลเอกสารเองได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องไปให้กงศุลรับรองให้ครับ โดยในใบที่แปลเราจะต้องลงชื่อผู้แปลด้วยโดยเขียนว่า

"Certified Correct Translation Only" ครับ
- การแปลทะเบียนบ้าน หรือบัตรประชาชน จะมีชื่อนายทะเบียน หรือเจ้าหน้าที่ที่เค้าเซ็นชื่อกำกับไว้ด้วย
ในส่วนของลายเซ็นไม่ต้องไปเซ็นแทนนะครับ เขียนว่า "Signature" เฉยๆก็พอ
การยื่นวีซ่า
- เราสามารถยื่นวีซ่าได้ด้วยตัวเองที่ VFS ครับ
ณ ตึก THAI CC ทาวเวอร์
ยูนิต 2 & 3 ชั้น 34 เลขที่ 889 ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ 10120 (สถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์)

การตรวจสุขภาพ

- กติกาการตรวจสุขภาพของวีซ่าออสเตรเลียปีนี้เปลี่ยนไปจากที่เมื่อปีที่แล้ว ให้เราสามาถรไปตรวจสุขภาพก่อนได้ตามที่ผมเคยบอกไว้ในนี้ครับ
เตรียมตัวก่อนยื่น WAH 2011
ทั้งนี้ผมนำเนื้อหาสำคัญๆในบทความนั้นมาให้อ่านด้วยครับ
การตรวจสุขภาพ (Australia) :
เนื่องด้วยสถานทูตออสเตรเลียเปลี่ยนกติกามาใช้ระบบ Online (eHealth) แล้วสำหรับตรวจสุขภาพยื่นวีซ่าออสเตรเลียดังนั้นกติกาการตรวจสุขภาพจะ เปลี่ยนไป
จากที่สมัยก่อนสถานทูตจะ อนุญาตให้ เราสามารถไปตรวจสุขภาพก่อนที่จะยื่นวีซ่าได้ แต่ตอนนี้จะต้องยื่นวีซ่าไปก่อน แล้วทางสถานทูตจะส่งรายละเอียด (Health Examination List หรือ client identification number) มาให้เราไปตรวจสุขภาพอีกทีครับ
สำหรับ eHealth เองนี่สถานทูตนำมาใช้เพราะทำให้ process ง่ายและเร็วขึ้นครับ

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ eHealth

eHealth – Electronic Health Processing


โรงพยาบาลที่สามารถไปตรวจสุขภาพได้ (Australia) :
สำหรับผู้ที่ตรวจที่กทม. ไม่สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาล มงกุฎวัฒนะได้แล้วนะครับ แต่สามารถไปตรวจที่ Bangkok Nursing Home (BNH) และ Bangkok General Hospital (รพ.กรุงเทพ) ได้เหมือนเดิมครับ ดังนั้นอย่าไปตรวจผิดที่นะครับ
สำหรับจังหวัดอื่นๆ และรายชื่อรพ.ที่ตรวจสุขภาพสำหรับขอวีซ่าออสเตรเลียได้ สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ครับ
Panel Doctors Thailand


การพิจารณาและรับผลวีซ่า
ในปี 2013 จาก website ของ VFS แจ้งว่าการพิจารณาวีซ่าจะอยู่ที่ 6-8 weeks ครับ
โดยทางสถานทุตออสเตรเลียอาจจะโทรมาสัมภาษณ์หรือขอเอกสารเพิ่มในกรณีที่เค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อผลออกแล้วเราสามารถเชคกับทางเวป VFS ได้โดยในเวปจะขึ้นข้อความ "your passport is ready for collection" ซึ่งแปลว่าให้เราไปรับพาสปอร์ตกลับมาได้แล้ว (ไปลุ้นผลกันอีกที ไม่ได้บอกว่าผ่านแล้ว)

เราสามารถไปรับ passport และเอกสารอื่นๆด้วยตนเอง หรือจะใช้บริการของ VFS ให้ส่งเอกสารมา หรือจะให้ผู้อื่นที่เรามอบฉันทะให้ไปรับแทนก็ได้ครับ

Social Network


 
Advertrising