Home stayเป็นอาชีพอีกอาชีพนึงที่เป็นที่นิยมมากในนิวซีแลนด์ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่แบ่งห้องนอน ให้นักเรียนแล้วก็ทำอาหารเผื่อ ก็ได้แล้ว200-250 เหรียญ ต่อ อาทิตย์ เจ้าของบ้านก็มีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับความซวยของแต่ละบุคคล แต่ส่วนมากก็จะใจดีดูแล เอาใจใส่นักเรียนเหมือนกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว พูดคุยด้วย สอนการบ้าน พาไปเที่ยว ไปโบสถ์ ไปส่งที่โรงเรียน บางบ้านก็ไม่ได้เรื่อง ถ้าเรารู้สึกว่า เจ้าของบ้านดูแลเราไม่ดีเลย ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เราก็สามารถไปบอกกับโรงเรียนขอย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ เพราะว่ามันเป็นสิทธิของเรา อย่าก้มหน้าก้มตารับกรรม มันไม่คุ้มกันนะ จะบอกให้
แต่สิ่งที่จะต้องทำใจเรื่องนึง คือเรื่องอาหาร คนไทยอย่างเราๆ ที่กินข้าวเป็นหลัก พอมาอยู่ที่นี่จะต้องหันมากินขนมปังแทน เช้าขนมปังปิ้ง กลางวันแซนวิซ โดยเฉพาะกับนักเรียนที่อยู่โฮมสเตย์แทบจะได้กินแซนวิซทุกวัน เพราะว่าทำง่ายมาก จนบางวันก็ต้องแอบทิ้ง ยอมขาดทุน ไปซื้ออย่างอื่นมากินแทน เพราะว่าเบื่อมาก มื้ออาหารที่หวังพึ่งได้จริงๆคือ มื้อเย็น ส่วนมากจะเป็น เนื้อสัตว์ กับผักต้ม หมุนเวียนกันไป บางวันโชคดีหน่อย อาจจะได้กินข้าว แต่ก็ไม่อร่อยเหมือนบ้านเรา เพราะข้าวสารที่เค้าใช้เป็นแบบ nonstick เวลาหุงเสร็จมันจะร่วนๆแข็งๆ เหมือนข้าวที่หุงไม่สุก ส่วนห้องนอนเค้าจะจัดให้เราดีพอสมควร ขึ้นอยู่กับฐานะของบ้านนั้นๆ แต่สิ่งนึงที่คล้ายกันของคนที่นี่คือ การประหยัดไฟ เพราะว่าค่าไฟแพงมากๆๆ ถ้าเราใช้มาก เค้าก็จะมาบอกให้เราประหยัด หน้าร้อนมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่หน้าหนาวนี่สิ ถ้าไม่ให้เปิดheaterบ้าง ก็หนาวตายกันพอดี บางบ้านงกสุดๆตอนกลางคืนให้ทุกคนมานอนรวมกัน เพื่อที่จะได้เปิดheaterแค่ห้องเดียว เท่านั้นยังไม่พอ แถมนอนกรนอีกตะหากซวยจริงๆ-.-" แค่หนาวก็จะแย่อยู่แล้ว ยังต้องมาทนฟังเสียงกรนอีก บางบ้านไม่เปิดheaterให้ แต่แจกกระเป๋าน้ำร้อนให้คนละใบ เอาไว้กอดเวลานอน งกอะ เวลาซักผ้าเค้าก็จะไม่ซักทุกวันเหมือนบ้านเรา เค้าจะรอให้เยอะก่อน แล้วซักทีเดียว ทีนี้คนที่นี่เค้าจะใส่เสื้อผ้าตัวเดิมๆถ้ามันไม่สกปรกมากเค้าจะไม่เปลี่ยน ก็ลองคิดดูกว่าจะเก็บสะสมผ้าที่สกปรกจริงๆให้ได้เยอะก็อาทิตย์กว่า ไอ้เราอยากจะซักทุกวันก็เกร็งใจเค้า ต้องใส่เสื้อผ้าซ้ำๆบ้าง เอาน้ำหอมฉีดๆหน่อยเป็นอันใช้ได้ เรื่องอาบน้ำคนที่นี่จะอาบกันวันละครั้ง ถ้าหนาวมากๆอาจจะเป็นสองวันครั้ง ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะอาบตอนเช้าหรือตอนเย็น อาบน้ำนานก็ไม่ได้อีก มายืนรอเลย รอไม่ไหว เคาะประตูเลยก็มี แอบจับเวลาด้วยหรือป่าวก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคร้ายแบบนี้นะ มีอยู่บ้านนึง บ้านนี้ป้าเจ้าของบ้านชื่อเฮเลน ป้าเฮเลนดูแลดีมาก ๆ อาหารอร่อย อลังการทุกมื้อ เสื้อผ้าแกก็เอาไปซักรีดให้อย่างดี พับเก็บวางบนเตียงให้อย่างเรียบร้อยแถมยังสอนการบ้านให้เข้าใจ ทะลุปรุโปร่ง แล้วแกก็จะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังประจำ โดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน ป้าเฮเลนจะใช้เวลาว่างของแกคุยโทรศัพท์ ไม่รู้คุยกับใครนักหนา คุยทีเป็นชั่วโมง ๆ ถ้าป้าแกไม่มีสามี มีลูก คงคิดไปแล้วว่าคุยกับหนุ่ม ตอนหลังเริ่มจะรู้แล้วว่าป้าแกคุยกับใคร เพราะว่าแกรู้ความเป็นไปทุกเรื่องในtimaru โดยเฉพาะเรื่องของเด็กที่โรงเรียน ใครเลิกกับใคร ใครกิ๊กกับใคร ใครโดดเรียน ใครไม่สบาย ใครจะมา จะไป แกรู้หมด ป้าแกสามารถจริงๆ แกคงมีญาติเป็นอับดุลแน่ๆ ถามอะไรแกตอบได้หมด ก็คนที่แกโทรหาก็คือครูที่โรงเรียนและพวกโฮมสเตย์ด้วยกัน ตอนนั้นเราก็เลยเพลิดเพลินกับการฟังเรื่องของชาวบ้านไปเลย แต่เราเองก็คงจะไม่พ้นเป็นหัวข้อสนทนาของป้าเหมือนกันแหละ เห็นบางทีแกคุยโทรศัพท์ไปตาก็มาชำเลืองมองเรา เสียดายแกคุยไกลไปหน่อย ไม่งั้นคงได้ฝึกแอบฟัง เอ๊ย ฝึกการฟังกันมั่งแหละ จากประสบการณ์จากป้าเฮเลน สอนให้รู้ว่าhome stayที่ดีเลิศ ประเสริฐศรี นั้นหายากจริงๆ บางสิ่งถ้ามองข้ามไปได้ก็มองข้ามๆไปเถอะจะได้อยู่อย่างมีความสุข
จากการถามไถ่พวกป้าๆโฮมสเตย์ (host mums pole)เค้าบอกว่าเค้าอยากได้เด็กไทยมาอยู่ที่บ้านมากที่สุด รู้สึกประทับใจ เพราะว่าเด็กไทยมีนิสัย เรียบร้อย ว่าง่าย อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เราโดนสอนมาตั้งแต่เด็กว่าให้มีสัมมาคาราวะ กับผู้ใหญ่ อย่าเถียง ให้ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยพูด แล้วอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ช่วยเค้าตั้งโต๊ะ กินข้าวเสร็จก็ช่วยเค้าเก็บจานนิดนึง บ้านส่วนใหญ่ก็จะมีเครื่องล้างจานด้วยกันทั้งนั้น ไม่ได้ลำบากเลย วันว่างๆก็อาจจะช่วยเค้าทำสวน ทำไปคุยไปก็เป็นการฝึกภาษาไปในตัว บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี ก็คุยเรื่องอะไรที่ใกล้ๆตัวก็ได้ อยู่ใกล้ต้นไม้ ก็คุยเรื่องต้นไม้ ศัพท์คำไหนคิดไม่ออกก็อธิบายอ้อมๆ ฝรั่งเค้าพยายามที่จะเข้าใจเราอยู่แล้ว โดยเฉพาะ host parents ของเรา และก็ไม่ต้องกลัวที่จะพูดผิดด้วย ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาของเรา ไม่ต้องอาย ถ้าเราไม่พูดผิด เราจะรู้เหรอว่าแบบไหนถูก จริงมั้ย นอกจากคนที่บ้านของเราแล้ว เวลาเจอคนอื่นตามท้องถนนเค้าก็จะยิ้มให้กันและ ทักทายกันอย่างเป็นมิตรhi..how are you? แรกๆอาจจะเขิน แต่ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็จะชินไปเอง บ้านที่ไปอยู่เนี่ยเป็นบ้านสองชั้น บรรยากาศดีมาก มองเห็นทะเลด้วย เวลาไปโรงเรียนตอนเช้าก็จะเดินไปใช้เวลาประมาณ20นาที เดินผ่านสวนสาธารณะ ผ่านทะเล อากาศดีสุดๆ แต่ถ้าวันไหนตื่นสาย หรือว่าขี้เกียจก็จะขึ้นรถเมล์ รถเมล์ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ไทยที่มีวิ่งตลอดเวลา พลาดคันนี้ไป เดี๋ยวรอคันหน้าก้ได้ แต่ที่นี่มี4สายและวิ่งแค่ชั่วโมงละคันเท่านั้น ต้องกะเวลาให้ดีถ้าพลาดละก้อ รอไปอีกชั่วโมงนึง อย่างที่บอกไปแล้วว่าคนที่นี่มนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ เวลาขึ้นจะต้องไปขึ้นข้างหน้า แล้วก็จ่ายเงินให้กับคนขับ ทุกครั้งคนขับรถจะทักทายคุณอย่างเป็นมิตร คนที่คุณเจอบนรถก็จะเป็นคนเดิมๆที่คุณเจอทุกวัน พวกเค้าจะยิ้มให้คุณเสมอ แล้วเวลาลงจากรถ เค้าจะพูดคำว่าThank youให้กับคนขับรถทุกครั้ง ดูแล้วน่ารักดีจัง คนที่นี่เค้าจะไม่ดูถูกกัน อาชีพทุกอาชีพมีเกียรติ ตอนแรกๆก็ไม่กล้าพูด แล้วก็พัฒนามาเป็นการงึมงำ เพราะว่ายังอายอยู่ นานเข้าชักจะชิน พูดเลย Thank you เสียงดังฟังชัด สําเนียงได้ไหมไม่รู้ แต่หน้าด้านไว้ก่อน ฮ่าๆๆ
ถ้าไม่อยากอยู่Home stayจะอยู่ที่ไหนดี
การที่จะมาเรียนที่ New Zealand ถ้าอายุต่ำกว่า18แล้วไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่จะมาพักอยู่ด้วยได้ ก็จะต้องไปอยู่home stay เท่านั้น ทางโรงเรียนจะติดต่อ สอบถามความเป็นอยู่ของเด็กอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะรายงานให้ผู้ปกครองของเด็กทราบ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีมาก เด็กๆจะได้ไม่ทำตัวเหลวไหล จะต้องกลับบ้านก่อนเวลาที่กำหนด หรือถ้าจะไปค้างที่อื่นก็ต้องบอกให้เจ้าของบ้านรู้ว่า ไปค้างบ้านใคร ที่ไหน จะติดต่อได้ยังไง
แต่ถ้าอายุเกิน18แล้ว สามารถเลือกที่พักได้ตามใจชอบ ยังมีตัวเลือกอื่นๆนอกจาก home stay ที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง$165 ตกประมาณ 4,000บาทต่ออาทิตย์เลยทีเดียว สามารถเลือกได้จากที่พักดังต่อไปนี้
Hostel ก็เหมือนกับหอพักนักศึกษาบ้านเรานั่นเองราคาตกอยู่ประมาณ$70-$100ต่อ อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับลักษณะของห้อง แต่ส่วนมากจะเป็นห้องน้ำ และ ครัวรวม อยู่แบบนี้จะสนุก เพราะจะได้เพื่อนเยอะมาก วันหยุดก็ทำอะไรกินกัน เล่นกีฬา ช่วยกันเรียน แต่อาจจะไม่ได้ฝึกภาษามากเท่าไหร่ เพราะคนส่วนมากที่อยู่จะเป็นคนเอเชียด้วยกัน มีโอกาสได้พูดภาษาอังกฤษก็จริงแต่ก็พูดกันแบบผิดๆ คิดดูแล้วกันนะว่าคุ้มมั้ย ถูกกว่าhome stayก็จริง แต่ต้องทำอาหารเอง แล้วโอกาสฝึกภาษาก็น้อย
Motel เหมาะสำหรับการอยู่การหลายคน ลักษณะคล้ายๆapartment บ้านเรา เป็นยูนิต มี2-3ห้องนอน มีครัว ห้องน้ำราคาตกอยู่ประมาณ $300-$350 ต่อ อาทิตย์ หารกันก็ตกประมาณ $90-$100 ดีกว่าhostel เป็นส่วนตัวกว่าแน่นอน แต่ก็จะต้องหาคนที่ไว้ใจได้จริงๆมาอยู่ด้วย ระวังหน่อยแล้วกันนะ
Flat ถ้าชอบอยู่แบบส่วนตัว ขอแนะนำเลย แต่ราคาค่อนข้างแพง มีหลายราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะและทำเล แบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์2ห้องนอน ราคาตกอยู่ประมาณ $100-$120 ต่ออาทิตย์ ไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ โล่งเลย ถ้าจะเอาแบบมีเฟอร์นิเจอร์ก็ประมาณ $170-$250 ต่อ อาทิตย์ เป็นส่วนตัวแล้วก็สบายมากๆ
Backpacker ใครอยากอยู่แบบนี้ก็จะต้องเป็นคนลุยๆหน่อย คนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ ราคาประมาณ$16 ต่อวัน ไม่แนะนำสำหรับผู้หญิง เพราะค่อนข้างอันตราย