ทักได้ คุยได้ ไม่กัดเด้อออ :D
สวัสดีเพื่อนๆชาว Thaiwah ทุกท่านคราฟฟฟ
แนะนำตัวก่อนละกันชื่อเจค WAH ปี 2013 และนักเรียน IELTS รุ่น 0/2013 ของพี่เกมส์ จะมาแชร์ประสบการณ์การโดนปฏิเสธวีซ่าซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นคนแรกของปีนี้ที่โดนปฎิเสธ (กลับถึงบ้านไข้ขึ้นเลยเพราะเดินตากฝนทั้งวัน 555) เอาละเข้าเรื่องละกันว่าพึ่งยื่นวีซ่า และโดนปฏิเสธเรียบร้อยแล้วเมื่อ 17 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งกระบวนการเป็นดังนี้
(จะไม่พูดถึงเรื่องการเตรียมเอกสารก่อนยื่นวีซ่าเพราะพี่เกมส์ได้สรุปครบทุกหัวข้อแล้ว ดังนั้นจะพูดถึงกระบวนการทางสถานทูตเพียงเท่านั้นนะครับ)
30 สิงหาคม 56 ยื่นวีซ่าพร้อมเพื่อนๆ อีก 4 คนที่ VFS (วันสุดท้ายของอัตราค่าธรรมเนียมเดิม คือ 11,550 บาท+ค่าบริการ 600+ค่าติดตามผล 60 = 12,210)
2 กันยายน 56 ได้รับอีเมล์ตรวจสุขภาพ ได้ X-ray ปอดอย่างเดียว
3 กันยายน 56 X-ray ปอดอย่างเดียวที่ BNH ราคา 1,600 (ราคาใหม่ขึ้นอีก 100 บาท จากเดิม 1,500 บาท)
11 กันยายน 56 โดนเรียกเอกสารเพิ่มเติมเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเราและผู้สนับสนุนทางการเงิน และถามเพิ่มเติมว่าพ่อแม่ไปไหนถึงไม่ได้เป็นคนเซ็น Parental permission (เราให้คนสนับสนุนการเงินเซ็นหนังสือตัวนี้)
12 กันยายน 56 เพื่อนๆอีก 3 คนที่ยื่นด้วยกันได้รับแจ้งให้ไปรับผลวีซ่า และ”ผ่าน”กันทุกคน
16 กันยายน 56 ส่งเอกสารเพิ่มเติมแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรา และผู้สนับสนุนเงิน At VFS
17 กันยายน 56 เอกสารส่งถึงสถานทูต (เช็คในเว็ป VFS)
18 กันยายน 56 ตอน 13.00 เจ้าหน้าที่ VFS โทรมาให้ไปรับผลวีซ่า (เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม 60 บาทตอนยื่นถ้าให้เค้าโทรแจ้ง)
19 กันยายน 56 ไปรับผลที่ VFS ก่อนถึงคิวเราก็เฮฮาเล่นกับเด็กฝรั่งที่มากับพ่อแม่ทีมายื่นวีซ่า แต่พอถึงคิวได้เอกสารและเปิดซองออกมาไม่เหมือนของคนอื่นเริ่มมีอาการหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว รีบตั้งสติยัดซองกลับเข้ากระเป๋าแล้วเดินออกมาทันที ไปหาที่สงบอ่านเหตุผลของการปฏิเสธวีซ่า หลังจากทำใจได้แล้วจึงเริ่มอ่านเหตุผลโดยมีใจความดังนี้
1.เงินที่ยื่น 173,056.56 มีครบตามข้อกำหนดของวีซ่า แต่เงินที่เข้ามานั้นเป็นเงินที่มีช่วงระยะเวลาสั้น และไม่ปรากฏในประวัติการทำรายการใน Bookbank ปล.ข้อนี้ขอแย้งเพราะเรามีสลิปการโอน และแนบสเตทเม้นท์ของสปอนเซอร์แสดงเงินที่โอนเข้ามาให้เราอยู่
2.ก่อนที่เงินจากสปอนเซอร์จะเข้ามาเรามีเงินติดบัญชีเพียง 38,000 บาท
3.เงินที่สปอนเซอร์โอนมาให้นั้นถือเป็นเงินส่วนมากของสปอนเซอร์
4.Case Officer ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของเราจริง
วิเคราะห์เหตุผลของการโดนปฏิเสธของตัวเอง
1.เงินคงเหลือของบัญชีเราก่อนที่จะมีเงินก้อนของสปอนเซอร์เข้ามา ณ วันที่ 23 สิงหาคม 56 ของเรามีแค่ 38,000 บาท ซึ่งมีน้อย ปล.บัญชีที่ยื่นกับสถานทูตนั้นเป็นบัญชีเงินเดือนซึ่งมีเงินหมุนเข้า-ออก ตลอด และความจริงเรามีเงินครบแล้วนะแต่อยู่อีกบัญชีหนึ่งซึ่งเงินก้อนนี้นั้นไม่มีที่มาจึงต้องโอนให้สปอนเซอร์แล้วค่อยโอนกลับมาให้เราอีกที
2.ช่วงเวลาคงอยู่ในบัญชีของเงินที่โอนเข้ามา เพราะเราให้สปอนเซอร์โอนเข้ามาวันที่ 27 สิงหาคม 56 จำนวน 30,000 (ก้อนนี้ฝากเป็นเงินสดที่ธนาคาร) และ 28 สิงหาคม 56 โอนอีก 100,000 บาท และรีบยื่นเลยวันที่ 30 สิงหาคม 56 ดังนั้นนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สถานทูตปฏิเสธเพราะเค้าบอกว่าเงินที่โอนเข้ามานั้นเป็นเงินที่มีช่วงเวลาสั้นเกินไป
3.จำนวนเงินคงเหลือในบัญชีของสปอนเซอร์ ซึ่งหลังจากที่โอนมาให้เราแล้วนั้นสปอนเซอร์เหลือเงินเพียง 35,000 บาท ปล.บัญชีของสปอนเซอร์นั้นมีเงินหมุนเวียนเดือนละประมาณ 50,000-70,000 บาท แต่พอโอนมาให้เราแล้วเค้าเหลือเพียง 35,000 บาท นี่ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่โดนปฏิเสธ
คำแนะนำถึงเพื่อนๆ
1.ควรให้เงินในบัญชีของเรานิ่งซะก่อนประมาณ 2-3 เดือน ค่อยยื่น อย่ารีบยื่นโดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นเหมือนเราที่ใจร้อนรีบยื่นตามเพื่อน
2.ถ้าเงินนั้นไม่ใช่เงินของพ่อแม่ที่ให้ ซึ่งเป็นของสปอนเซอร์ที่เป็นญาติ หรือไม่ใช่ญาติก็ตาม (แต่แนะนำให้เป็นญาติดีกว่าเพราะถ้าไม่ใช่ญาติถามเยอะมาก และเอกสารก็จะเยอะตาม) ความสมเหตุสมผลของเงินที่ให้ และเงินคงเหลือในบัญชีของสปอนเซอร์หลังจากที่โอนให้เราแล้วนั้นต้อง “เหลือเยอะ”พอสมควร
สุดท้ายแล้วหวังว่าประสบการณ์ของเราครั้งนี้จะช่วยให้เพื่อนๆได้เตรียมตัวเตรียมเอกสารเรื่องเงินให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ส่วนเราไม่เครียดมากเรื่องโดนปฏิเสธ แต่เครียดเรื่องค่าธรรมเนียมที่เสียไป และที่จะเสียใหม่กับการยื่นรอบสอง 555
ปล. Case officer ที่ดูแลเรา และเพื่อนอีก 3 คน ชื่อ คุณว.... ใครโดนเรียกเอกสารเพิ่มจากเจ้าหน้าที่คนนี้ก็เตรียมตัวเตรียมเอกสารให้ดีละกันนะคราฟฟฟฟ :D
เจค WAH 2013
https://www.facebook.com/surasak.phrawatta
Update 20/2/57
ตอนนี้วีซ่าผ่านแล้วนะครับ ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนมากๆ :D
ปล.ติดเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ