ตอบคำถามบน Facebook Thaiwahclub ครับ :)

คำถาม : ถ้าไปทำวีซ่านักเรียนไปเรียนโท เพื่อให้ขอวีซ่าออนไลน์ได้ และไม่ต้องโชว์เสตทเมนท์ แล้วเกิดพอไปถึงไม่อยากเรียนโทแล้วทำยังไงดีครับ มีกติกาอะไรบ้าง จะคุ้มมั้ย?
อืมม คุ้มหรือเปล่านี่แล้วแต่เรานะครับ มันจ่ายแพงกว่าไม่เยอะถ้าเทียบกับคอร์สเรียนภาษา และเรื่องขอวีซ่าจะง่ายกว่ามากก็จริงแต่ก้มีคอนดิชันที่เราต้องทำตามอยู่ด้วยครับ
ผมขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง สำหรับวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย จะแบ่งออกเป็น subclass ตามประเภทของคอร์สที่ลง ชื่อเรียก subclass ผมขอละไว้จะได้ไม่งงครับ

และแต่ละ subclass นี่ก็จะมี assessment level ที่ต่างกัน
Assessment Level จะมีตั้งแต่ Level 1-5 : Level 1 ก็จะถือว่าความเสี่ยงน้อยที่สุด น่าเชื่อถือในสายตาของอิมมิเกรชัน Level 2 ก็จะน่าเชื่อถือรองลงมา และเลเวลต่ำกว่านั้นก็จะยากขึ้นไปอีกครับ
สำหรับประเทศไทยเองจะมีแค่ Level 1 และ Level 2 โดยคอร์ส เรียนภาษา = 2 , เรียนดิปปกติ =2 และ เรียนคอร์สในมหาวิทยาลัย = 1 โดยถ้าเราแพกเกจคอร์สภาษาเข้ากับคอร์สในมหาวิทยาลัยก็จะได้เป็น Level 1 เช่นกัน
ข้อแตกต่างๆหลักๆก็คือ
Level 1 : ยื่นออนไลน์ได้ / โดยปกติแล้วไม่ต้องโชว์เสตทเมนท์ / ยื่นจากที่ไหนก็ได้
Level 2 : ยื่นได้แต่แบบเปเปอร์ / ต้องโชว์เสตทเมนท์ / ต้องยื่น first student visa จากเมืองไทยครับ ทีนี้มาถึงคำถามที่บอกว่า ถ้าเราลงแพกเกจออนไลน์แบบนี้ไปเราควรจะทำยังไงต่อหากเราไม่อยากเรียน คำตอบคือ อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรจะเรียนกับเค้าอย่างน้อย 6 เดือนครับ เพราะเราจะบอกว่าเราไม่อยากเรียนโดยทียังไม่เคยเรียนเลยก็ไม่สมเหตุสมผลเพราะเราเองเป็นคนเลือกเรียนคอร์สนี้มาเอง
และอีกอย่างจะเป็นกติกาของทางสถาบันเหมือนกันว่าถ้าลงเรียนแล้ว ต้องเรียน'คอร์สหลัก'กับเค้าอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงคอร์ส ป.โท หรือคอร์สในมหาวิทยาลัยอื่นๆที่เราเลือกลงไว้ เช่น Grad Dip / Grad Cert หรือ Diploma ที่เวลาสั้นกว่า
กติกา 6 เดือนนี้ตั้งไว้สำหรับ protect ตัวสถาบันครับ เพราะถ้าสถาบันแรกไม่ออก release letter ให้เพราะนักเรียนยังเรียนไม่ครบ 6 เดือน สถาบันใหม่จะไม่มีสิทธิ์รับตัวนักเรียนเข้าไปเรียน คือไม่สามารถออก Confirmation of enrollment ให้ได้ครับ ซึ่งก็แปลว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนที่เรียนได้นั่นเอง มีบางเอเจนท์จะไปยุให้นักเรียนลาออกเลย(เพราะนักเรียนไม่ใช่นักเรียนเอเจนท์ตัวเอง) ซึ่งก็แปลว่าต้องวุ่นวายกันไปอีกเพราะว่า
1. เราต้องเลือกเรียนคอร์สใหม่ที่เป็น level 1 เหมือนเดิมหากลาออกจริงๆ ซึ่งค่าเรียนก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก ไม่รู้จะย้ายไปทำไม (เพราะ student visa เราขาดไป ไม่ใช่ first student visa แล้ว ดังนั้นเราจะไปต่อ visa แบบเรียนดิป เรียนภาษาอย่างเดียวเพื่อทำงานไม่ได้)
2. การไปเปลี่ยนคอร์ส ไม่ส่งผลดีกับเราเพราะเราก้เสียทั้งมัดจำ เสียค่าทำวีซ่าใหม่ แถมอิมมิเกรชันก้ใช่ว่าจะมองเราดีนัก ถ้าเราไปเปลี่ยนคอร์สไปเรียนอะไรอย่างอื่นแบบไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ สรุปว่าคอร์สที่ถ้าจะเปลี่ยนได้หากลาออกก็ต้องเป้นคอร์สใน level 1 เหมือนกัน ราคาก็จะพอกัน ดังนั้นถ้าคิดว่าจะไปเปลี่ยน แนะนำให้เลือกคอร์สนั้นไปจากที่ไทยแต่แรกก็ได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องไปเปลี่ยนให้เสียเงินเสียทองวุ่นวายกันเปล่าๆ หากคิดว่าไม่แน่ใจว่าจะเรียนโทไหวมั้ยก็อาจจะเรียนสั้นๆไปเป็น Grad Certificate สัก 6 เดือนจากนั้นก็ดุว่าไหวรึเปล่าก็ค่อยดุคอร์สที่จะต่อกันต่อไป (แต่ต้องต่อวีซ่าใหม่นะครับ) อีกอย่างสมมติเรียนโทนี่เราได้ benefit หลายอย่างนะครับ เช่น
- บางยูเค้าอนุญาตให้เราเรียน 2 ใน 3 เทอมได้เหมือนกันในปีนึง มีเวลาไปท่องเที่ยว ทำงาน กลับบ้าน หรือทำอะไรก็แล้วแต่ โดยในช่วงปิดเทอมนี้เรามีสิทธิ์ทำงานได้ full-time ด้วยครับ
- ถ้าเรียนจบสองปี ก้มีสิทธิ์สมัคร Post-study visa ได้ วีซ่าไว้ทำงานในออสได้อีกสองปีครับ :)
ปกติแล้วทางยูจะให้เราเลื่อนคอร์สได้ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นจริงๆ เช่น ภาษาเรียนไปแล้วไม่ผ่านตามที่กำหนด ยังเข้าเรียนไม่ได้ก็เลื่อนคอร์สออกไป แล้วลงเรียนภาษาเพิ่มเอา เอาให้ผ่านก่อนครับ