Japanese employers & Working Holiday Visa
ผมกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นครับวันอาทิตย์นี้ ไปกับโครงการอบรมผู้นำเยาวชนของสท. ในสาขา SME
อย่างที่เคยแจ้งไปโครงการนี้จะมีหลายๆสาขาเปิดรับผู้นำเยาวชนที่ทำงานในสาขานั้นๆไปอบรมที่ญี่ปุ่นโดยการสนับสนุนจากทาง JICA (เหมือนเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อช่วยพัฒนาเยาวชนไทยด้วยครับ) ผมเองจะเดินทางไปที่เมือง Toyama 18 วันกับเพื่อนๆที่ได้รับเลือกเข้าร่วมโครงการในสาขาเดียวกันอีก 14 คน (สาขาละ 15 คนโดยประมาณ ปีละ 4 สาขา) และจะพยายามมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆเกี่ยวกับโครงการนี้เรื่อยๆครับ ทั้งที่นี่และบางทีอาจจะในเพจ
เที่ยวตลอดดดด ครับ :) (และอาจจะตอบเมลล์ช้าไปบ้าง - อีกแล้ว - ช่วงนี้ผู้สนใจวีซ่านักเรียนและอื่นๆติดต่อที่ออฟฟิศผมได้เลยครับที่
Beyond Study Center ศูนย์แนะนำการศึกษาต่อออสเตรเลีย )
Toyama เองนี่เรียกว่าน่าจะเป็น Town ไม่ใช่ City คือเป็นเมืองเล็กๆ ที่ธรรมชาติน่าจะสวยงาม เนื่องจากไม่ใช่เมืองฮิตมากเลยได้คุยกับเพื่อนๆญี่ปุ่นหลายๆคนเกี่ยวกับเมืองนี้ ซึ่งคำตอบส่วนมากเลยคือ ไม่เคยไปนะ แต่เห็นว่าสวยและสงบ (พอนึกภาพออกอยู่)
ทีนี้คุยไปคุยมา เนื่องจากเพื่อนชาวญี่ปุ่นของผมส่วนมากจะเป็นเพื่อนที่ทำงานกับสถาบันต่างๆในออสเตรเลียที่ร่วมงานกันมาตลอดเลยได้คุยเรื่องอื่นไปด้วยเรื่อยเปื่อย มีพูดถึง Working Holiday Visa ในญี่ปุ่นด้วย (ที่เค้าไปออสได้เหมือนเรา)
สำหรับคนที่ยังไม่รู้ วีซ่า Working Holiday ของชาวญี่ปุ่นที่จะไปออสเตรเลีย จะมีข้อบังคับน้อยกว่า Work and Holiday ของไทยในหลายๆแง่ เช่น ไม่มีกำหนดโควต้า (จะมากี่คนก็มาเหอะ) ไม่มีผล IELTS ก็ไม่เป็นไรไม่ดู (ภาษาเป็นยังไงก็ได้) จบตรีไม่จบไม่เป็นไร
นอกจากความสบายสุดกู่ข้างต้นนั้นแล้วอีกอย่างนึงที่ WAH เราทำไม่ได้และเราก็ได้แต่มองเพื่อนชาวญี่ปุ่นทำมาตลอดคือ 2nd Working Holiday Visa หรือเรียกกันสั้นๆว่า 2nd visa
ไอเจ้า 2nd visa นี่พูดง่ายๆคือ ปกติ WAH เราไปได้ 1 ปีจบ จากนั้นถ้าอยากอยู่ต่อ หาทางเอาอีกทีว่าจะอยู่ด้วยวีซ่าอะไร เช่น เรียนต่อ ทำงาน หรือแต่งงาน (อยู่ที่กำลังทรัพย์ ความสามารถ และบุพเพสันนิวาส) แต่ 2nd visa นี่อนุญาตให้เราอยู่ต่อได้ด้วย Working Holiday อีก 1 ปี หลังจากทำงานใน regional area ตามที่ทางรัฐบาลออสเตรเลียกำหนดไว้เป็นเวลาสามเดือน (สรุปว่าอยู่ได้สองปี ถ้าอยากอยู่ด้วย Working Holiday)
ดังนั้นโดยรวมๆแล้วถ้าพูดถึง Working Holiday ในญี่ปุ่นแล้วเราจะรู้สึกกันว่าดีจัง น่าอิจฉาจัง โควต้าเยอะ ของ่าย (นั่นจริงๆเพราะ Australia น่าจะเชื่อใจประเทศญี่ปุ่นมาก - ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไร) ตอนคุยกับเพื่อนเลยมีพูดเหมือนกันว่าของ Working Holiday Australia ของญี่ปุ่นนี่ดีนะสะดวก
เพื่อนญี่ปุ่นคนนี้ทำงานในออสเตรเลียเป็น Marketing Manager ตอนนี้เป็น PR อยู่ที่ออสแล้ว ได้เดินทางตลอด ได้เจอผู้คนเยอะ ได้เห็นอะไรเยอะพอควร พอได้ยินว่าดีเค้าก็บอกว่า จริงๆมันก็ดีนะ ในแง่ว่าเป็นโอกาสกับเยาวชนญี่ปุ่น มีตัวเลือกเยอะ เรียนมหาวิทยาลัยอยู่อยากดรอปไปออสสักปีก็ได้ แล้วค่อยกลับมา ได้ภาษาได้ตังค์บ้างแล้วกลับมาเรียนต่อ (เพราะเค้าไปตอนไม่จบตรีก็ได้ - พูดง่ายๆว่าอายุ 18 ก็ขอได้น่ะแหละ) แต่ก็มีด้านไม่ดีเหมือนกันคือมันได้ง่ายมาก คนไปเยอะ บางคนไปแล้วได้เงินได้ภาษาก็ดีไป บางคนไปแล้วไม่ได้อะไรก้มี โดยเฉพาะสุดท้ายเมื่อกลับมาญี่ปุ่นแล้ว นายจ้างที่เป็นบ.ดีๆในประเทศเค้าจะไม่ได้สนใจมากนักว่าคุณไปอยู่ต่างประเทศนานเท่าไหร่
ดังนั้นถ้าบอกว่าไป Working Holiday ปีสองปี (ค่อนข้าง common ในญี่ปุ่นเพราะวีซ่านี้เค้ามีมานานแล้ว นายจ้างรู้จัก) เค้าก้จะไม่ได้สนใจว่า อ้อ ไปอยู่ต่างประเทศมานานนะ แต่ที่เค้าสนใจคือ "คุณไปทำอะไรมา และคุณได้อะไรกลับมา" และสิ่งที่เค้าอยากได้คือ skills ต่างๆที่เราพัฒนาในระหว่างอยู่ต่างประเทศ
กลับมามอง WAH ของเราก็เหมือนกัน ตอนนี้อาจจะค่อนข้างใหม่สำหรับนายจ้างที่ไทย (น้องๆหลายคนจะลาออกไป WAH ไม่อยากอธิบายเยอะก็บอกว่าไปเรียนต่อ นายจ้างก็เข้าใจ) แต่ในอนาคตน่าจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นครับ
ปีนึงนี่สั้นนิดเดียวเองสำหรับ WAH ดังนั้นผมค่อนข้างเน้นอยู่เสมอว่าไปแล้วควรจะมีเป้าหมายนะ โดยที่เป้าหมายน่าจะต้องจับต้องได้ วัดผลได้ และไปถึงได้ด้วย วางแผนดีๆว่าเราจะทำอะไรหลังหมดวีซ่า แบบคร่าวๆก็ได้ แต่ให้วางไว้บ้าง จะได้รู้ว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้นต้องใช้อะไรบ้าง เช่น ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษต้องเป็นยังไง เป็นต้น
(อันนี้พูดในฐานะที่ตัวเองไม่ได้มีเป้าหมายเท่าไหร่ตอนไปแรกๆเลย คือมีแบบเป็นเป้าหมายหลวมๆเช่น อยากลองไปลำบากดู อยากเก่งภาษา (แต่ไม่รู้ว่าอยากเก่งระดับไหน))
จริงๆแต่ละคนนี่เป้าหมายไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เช่น อยากเรียนโท อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากเก่งภาษาอังกฤษ อยากท่องเที่ยว อยากกลับมาทำงานดีๆ อยากได้งานดีๆที่ออส ไปหาแฟน (คือยังไม่มีแฟนนะ ไปหาเลย) ซึ่งผมว่าดีหมดครับ วางแผนไว้แล้ว ถ้าเราค่อยๆทำยังไงก็ไปถึงได้ ยากบ้างไม่ยากบ้าง แล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคน ยังไงใช้ชีวิต wah หรือนักเรียนให้สนุกกันนะครับ :)